คุณความรักครั้งที่ร้อย : 99.Broken





คุณความรักครั้งที่ร้อย
 99 : Broken







2


            เวลาประมาณเกือบๆ สามทุ่ม ผมมานั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ มองดูแจ็คกับเฮียอาร์ตที่แอบมาเจอกันยามวิกาลในร้านสะดวกซื้อ อากาศข้างนอกเย็นจนต้องใส่เสื้อกันหนาว ผมซุกมือตัวเองลงไปในเสื้อฮู้ดเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ผมมองดูแจ็คที่กำลังเดินตามเฮียอาร์ตในร้าน แม้ว่าจะไม่ได้มีรอยยิ้มปรากฏชัดเจนบนใบหน้าของแจ็คแต่ผมรู้ว่าเขากำลังมีความสุข

            เขาไม่รู้เลยอะไรเลย

            ไม่นานนักหลังจากซื้อขนมเล็กน้อย สองคนนั้นเดินไปที่ชายหาดฝั่งตรงกันข้าม ผมแอบอยู่ที่ข้างๆ ร้านสะดวกซื้อในมุมที่แสงไฟส่องไม่ถึง ดึงฮู้ดขึ้นมาและสวมผ้าปิดปากเพื่อปิดใบหน้าตัวเอง ของทั้งสองชิ้นเป็นสีดำเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา จากมุมนี้ผมสามารถเห็นเฮียและแจ็ค พวกเขานั่งลงบนพื้นทรายแล้วเริ่มพูดคุยกัน ผมที่อยู่ด้านหลังเห็นเพียงแค่การกระทำเท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงหรือเห็นสีหน้าเพราะว่าจากตรงนี้มันไกลเกินไป พวกเขาจับมือกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง เป็นภาพที่ดูสวยงามตามฉบับของวัยรุ่นที่กำลังมีความรัก

            แม้อากาศจะเย็นแต่เหงื่อของผมเริ่มผุดออก ไม่ใช่เพราะว่าเสื้อกันหนาวที่หนาเกินไปแต่คงเพราะว่าการที่ผมอยู่ตรงนี้มันผิดที่ผิดเวลา ผมลูบสันใบมีดเหล็กที่เย็นเฉียบในกระเป๋าหน้าของเสื้อฮู้ดเบาๆ พลางมองไปที่สองคนนั้นกับหัวใจที่เต้นรัวผิดจังหวะ ถ้ามันส่งเสียงดังออกมาได้คงกลบเสียงคลื่นแถวนี้ไปจนหมดแน่นอน

            มองจากด้านหลังเห็นแจ็คที่หันหน้าด้านข้างมองหน้าเฮียอาร์ตที่กำลังเล่าเรื่องอะไรสักอย่างอย่างตั้งใจ  ผมไม่เคยถูกมองแบบนั้นเลย แม้พวกเราจะเคยนั่งริมหาดด้วยกัน แต่เขากลับไม่เคยมองมาที่ผมตรงๆ เลย มองดูทั้งคู่แลกเปลี่ยนบทสนทนาจนเวลาล่วงเลยมาดึกมากแล้ว ทั้งสองคงรู้สึกเหมือนกันจึงยืนขึ้น ปัดเศษทรายออกจากกางเกง ปกติแล้วบ้านเฮียอาร์ตอยู่อีกฝั่ง แต่เหมือนว่าพวกเขากำลังเดินไปด้วยกัน เฮียคงเดินไปส่งแจ็คที่บ้านอย่างแน่นอน

            ผมเดินตามพวกเขาไปเงียบๆ

            ทางเดินที่คุ้นตา เสาไฟฟ้า เสียงคลื่นและกองขยะนั้นเป็นเส้นทางที่ผมเดินกับแจ็คมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่คราวนี้ผมทำได้แค่เดินแอบๆ อยู่ด้านหลัง สองคนนั้นไม่ทันได้ระวังตัวเลย คงเพราะมัวแต่คุยเล่นกันจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง จนทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านของแจ็ค พวกเขามองหน้ากันราวกับพิจารณาภาพวาด ผมที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนักได้แต่กำด้ามมีดในมือแน่น

            เคร้ง !

            เท้าของผมเตะเข้ากับกองขยะจนกระป๋องน้ำอัดลมที่บู้บี้หล่นลงมา ทั้งสองคนชะงักก่อนแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีสงสัยอะไร พวกเขามองไปรอบๆ แต่ก็มองไม่เห็นเพราะผมที่ซ่อนอยู่ในมุมอับหลังเสาไฟ เฮียอาร์ตลูบหัวแจ็คอย่างเอ็นดูก่อนจะโบกมือลา แจ็คเดินเข้าไปในบ้านแล้ว ส่วนทางเฮียเดินกลับไปทางเดิมคนเดียว ผมก็ดึงมีดในมือออกมาแล้วเดินตามเขาไปติดๆ ด้านหลังของพี่อาร์ตดูไร้พิษภัยและไม่ระวังตัว

            ถ้าเขาตายแจ็คจะมีความสุขมั้ย

            “ใคร”
           

            เฮียอาร์ตพูดพลางหันหน้ากลับมา ใบหน้าของเขาดูโกรธแต่เมื่อเขาเห็นมีดในมือผม หน้าเขาก็เริ่มถอดสี แม้จะอยากกซ่อนตัวแต่ก็คงไม่ทันซะแล้ว ไม่แน่ใจว่าเขาเห็นผมตั้งแต่เมื่อไหร่ หรืออาจจะตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อแล้วนะ สมกับเป็นเฮียจริงๆ

            “มึงต้องการอะไร เงินหรอ”
           

            ผมกระชับมีดในมือ ยกมันขึ้นมาด้านหน้า หวังว่าเฮียจะไม่ทันสังเกตที่ผมมือสั่น ตัวผมเองนั้นรู้ดีว่าตัวเองไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำร้ายใครอยู่แล้ว ผมเป็นแค่ไอ้คุณเด็กมัธยมที่มีชีวิตดาดๆ ไอ้การเอามีดไปแทงใครเขามันเป็นไปไม่ได้หรอก แม้จะเตรียมใจมาอย่างดีแต่สุดท้ายมันก็ยากเกินไป ยิ่งเป็นเฮียด้วยแล้ว ผมทำไม่ได้หรอก

ในขณะที่ผมกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เฮียอาร์ตก็วิ่งเข้ามาประชิดตัวแล้วพยายามแย่งมีดในมือของผม

            ผมตกใจจนกำมีดในมือแน่นกว่าเดิม เรายื้อแย้งมีดกันอยู่พักนึง เฮียอาร์ตเป็นผู้ชายแข็งแรงจากการเล่นกีฬาแต่ด้วยสรีระแล้วตัวผมเองสูงกว่าแถมยังตัวใหญ่กว่า เฮียพยามบีบข้อมือให้ผมปล่อยมีดส่วนผมก็พยายามสู้กลับ ยิ่งแย่งกันนานเท่าไหร่เลือดก็ยิ่งสูบฉีดมากขึ้นเท่านั้น ความพยายามในการเอาชนะก็พุ่งขึ้นสูงตามเลือกที่สูบฉีด อย่างน้อยผมต้องสลัดเขาให้หลุด ไม่ไหวแล้ว ผมอยากกลับบ้าน ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว

            ผมใช้แรงเฮือกใหญ่ในการสะบัดเฮียให้หลุด แล้วก็ได้ผล เฮียกระเด็นล้มลงที่พื้น

            “อ๊ากกกกกก!

            เสียงร้องลั่นของเฮียอาร์ตทำให้ผมตกใจ แค่ล้มลงไปไม่น่าจะเจ็บขนาดนั้น พลันสายตาไปสะดุดเข้ากับแสงสะท้อนสีเงินของมีดกับแสงจากเสาไฟฟ้า มีดที่น่าจะอยู่ในมือตอนนี้ปักเขาที่อกข้างซ้ายเหมือนกับจับวาง เลือดค่อยๆ ซึมผ่านเสื้อผ้าทีละน้อยจนผมจำไม่ได้ว่าเสื้อของเฮียสีอะไร แต่ตอนนี้ ผมเห็นแต่สีแดง

            ผมไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้เลย พยายามหันมองหาของที่พอจะช่วยปฐมพยาบาลแต่รอบข้างก็มีแต่ขยะ เสียงร้องโอดครวญของเฮียยิ่งทำให้ผมตื่นตกใจ ถ้ามีคนมาเห็นเข้าล่ะก็ผมดูไม่จืดแน่ๆ ไม่สิ ถึงจะคนเห็นผมก็สามารถวนลูปกลับไปได้อยู่ดี ไม่ๆ แต่ถ้าผลจากการแทงเฮียอาร์ตทำให้ผมหลุดจากลูปล่ะ ถ้ามันไปเผลอเปลี่ยนตอนจบเข้าอย่างนี้แปลว่าผมต้องอยู่ในลูปที่ทำร้ายเขางั้นหรอ

            ผมควรจะทำยังไง

            ในขณะที่มองหาวิธีที่จะหยุดเรื่องบ้าๆ นี้ ผมเห็นแจ็คที่ยืนออกไปไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้





3

           
            สิ่งที่ผมรู้อย่างแรกคือ หนึ่งการวนลูปเกิดขึ้นเพราะสัญญาที่ผมให้ไว้กับแจ็ค สองลูปจะเริ่มวนหลังจากสิ้นสุดเที่ยงคืนวันที่แจ็คตาย สามผมเป็นคนเดียวที่ยังมีความทรงจำหลงเหลืออยู่ ทั้งสามอย่างเป็นหลักในการใช้ชีวิตของผมไปซะแล้ว

            “ปล่อยเราเถอะ..ฮึก”
           
            “จะทำอะไรเราก็ได้แต่ตะ..แต่..ช่วยพี่อาร์ตด้วย”

            น้ำหูน้ำตาของแจ็คไหลไม่หยุด วินาทีที่ผมเห็นแจ็คผมก็คิดอะไรไม่ออกนอกจากลากแจ็คให้มาด้วยกัน แต่เหมือนจะไม่ใช่ความคิดที่ดี ก็ตอนนี้ผมต้องทนรับรู้ รู้ว่าแม้แต่ถ้าเลือกได้ระหว่างตัวเองกับพี่เฮีย แจ็คก็ยังเลือกเฮียอยู่ดี

            รักมันมากเลยสินะ

            ผมลากแจ็คเข้ามาในบ้านร้างห่างไกลจากจุดที่เกิดเหตุ แถวนี้ไม่มีคนแถมโดยรอบยังมีแต่พงหญ้า บ้านเรือนแถวนี้เคยโดนน้ำท่วมจากทะเลน้ำที่เพิ่มขึ้นจนไม่มีคนมาพักอาศัย เรียกได้ว่าถึงจะส่งเสียงดังก็ยากที่คนแถวนี้จะได้ยิน

            “ปะ..ปล่อยเราเถอะนะ”
           

            ผมนี่มันเหี้ยจริงๆ คนที่ผมควรจะปกป้องตอนนี้กลับกำลังร้องไห้เพราะผมเอง ตัวสั่นนั่งคุดคู้กับพื้น ไม่มีแล้วใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่มีแล้วสายตาที่มองท้องฟ้าตรงดาดฟ้าตอนกลางวัน ไม่มีความอบอุ่นที่เบาสบาย มีเพียงความหวาดกลัว และตัวผมเองนั้นแหละที่เป็นความหวาดกลัวนั้น

            “ฮือพี่อาร์ต ช่วยด้วย”

            พอแจ็ครู้ว่าผมไม่ตอบมันก็เริ่มที่จะร้องไห้แบบไม่เป็นภาษา ถึงขนาดเรียกชื่อของมันให้มาช่วย ถึงขนาดนี้แล้วมันยังไม่รู้เลยว่าคนตรงนี้แหละที่ช่วยมันมานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนคนที่มันเรียกให้ช่วยเคยอยู่กับมันที่ไหน ไม่เคยจะรู้อะไรสักอย่าง ไม่เคยเห็นมึงตอนโดนรถชน ไม่เคยหาทางทำให้มึงมีความสุข ทำได้แค่ให้รอยยิ้มปลอมๆ กับมึงไม่ใช่หรอ

            ทำไมมึงถึงจำกูไม่ได้ คนที่อยากให้มึงมีความสุขที่สุดไง

            “จำกูไม่ได้หรอ”
           

            แจ็คไม่ตอบ มันเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมดึงผ้าปิดปากออกแล้วก็เอาฮู้ดที่คลุมผมลง ไม่ต้องจำผมในฐานะคนที่พยายามช่วยมันก็ได้ถ้ามันมากเกินไป จำผมในฐานะเพื่อนร่วมห้องคนนึงก็ยังดี สารภาพตรงนี้ว่าขอแค่มันเรียกชื่อผมสักครั้ง อย่างน้อยมันก็อาจจะเพียงพอให้ผมมีกำลังใจ ดึงสติผมกลับมาจากการทำอะไรบ้าๆ พวกนี้

            ” แจ็คนิ่งเงียบ
            “ฮะฮะ กูคงหวังมากไป”
            “พะ..พี่อาร์ต ช่วยด้วย” แจ็คพูดเสียงสั่นก่อนจะฟุบหน้ากอดเข่าตามเดิม

            ยังไงก็ไม่มีจะเสียแล้ว
           
            ผมเดินไปกระชากแขนของเขาที่กอดเข่า ดึงมันขึ้นมาจูบ รสจูบนั้นเค็มเพราะคราบน้ำตา แจ็คพยายามส่งเสียงอู้อี้ต่อต้านแต่ผมก็บีบข้อมือทั้งสองข้างของมันแน่น แรงจนเหมือนจะหักกระดูกมันเป็นสองท่อน แม้ผมจะพยายามจูบขนาดไหนแค่แจ็คก็ไม่คิดจะเปิดปากแถมยังเม้มปากแน่น มันเป็นการจูบฝ่ายเดียว

            “โอ้ย!

            กลิ่นเลือดคละคลุ้งภายในปาก แจ็คกัดปากผมจนเป็นแผล ได้ ถ้าอยากรุนแรงนักก็จะจัดให้ ผมรวบมือทั้งสองข้างของมันไว้ในมือเดียว บีบขากรรไกรอีกฝ่ายจนปากเผยออก จูบแบบดูดดื่มทั้งที่อีกฝ่ายไม่สมยอม ใช้ลิ้นตวัดอย่างเอาแต่ใจ เขาต้องเป็นของผม เป็นของผมคนเดียว

            “พี่อาร์ต ฮึก ฮือออ ช่วยด้วย”

            ถึงตอนนี้แจ็คมันก็ยังเรียกหาแต่เฮีย ไม่เคยมองมาตรงนี้เลย จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่เคยมองมาข้างหน้าตรงนี้ ไม่เคยมมองผมเลย ผมจัดการโยนมันลงบนพื้น ก่อนจะเอาตัวขึ้นคร่อมนั่งกดตัวอีกฝ่ายไว้ เพราะน้ำหนักที่กดเอาไว้ทำให้ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ผมถอดเสื้อตัวเองออกแล้วมัดมือทั้งสองข้างของมันเอาไว้ เอาล่ะ เท่านี้มันก็ไม่สมารถขัดขืนได้แล้ว

            “จะ..จะทำอะไร ปล่อย”

            ผมค่อยๆ จัดการถอดเสื้อผ้าของมันออกเช่นกัน เริ่มจากถอดเสื้อยืดออก มันพยายามเอามือที่ถูกมัดมาปิดเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก ตามด้วยกางเกงวอร์มขายาวแล้วก็กางเกงใน ไม่นานแจ็คก็เหลือแต่ร่างเปลือยเปล่า ผมไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อน มันเป็นคนผิวขาว แต่ขาวขึ้นไปอีกจากส่วนที่ไม่เคยโดนแดด แจ็คไม่ใช่คนผอมดังนั้นเวลาจับตรงไหนก็นุ่มนิ่มติดมือ ยิ่งมันพยายามจะขัดขืนขนาดไหนก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ผมมากเท่านั้น

            ผมถอดกางเกงของตัวเองออกอย่างรีบร้อน จับขาของคนตรงหน้าแยกออกจากกัน แม้ว่ามันจะพยายามดิ้นขนาดไหนก็ไม่เป็นผล มือสองข้างมันขยับไม่ได้ ผมค่อยรูดช่วงล่างของตัวเองที่แข็งขึ้นลงช้าๆ พยายามแทรกเข้าไปในตัวอีกฝ่ายแต่ก็เข้าไม่ได้แม้แต่ส่วนหัว  มันแน่นเกินไป

            “อย่าเกร็งดิวะ”
            “ปล่อย!! ไอ้เหี้ย ปล่อย!” แจ็คไม่เคยพูดคำหยาบ คงจะเกลียดผมมากเลยสินะ
            “เหอะ”
            “อ๊า!!! เจ็บ!! ปะ..ปล่อย ฮึกเอาออกไป!

            ถึงจะแน่นแต่ผมก็ไม่สนใจพยายามยัดเข้าไปอยู่ดี ยิ่งเห็นมันที่ขัดขืนผมกลับยิ่งโกรธ มันพยายามดิ้นหนีแต่ผมก็ดึงเอวมันกลับมาทันที  ผมไม่สนใจว่ามันจะร้องว่ายังไง ตอนนี้ผมสนใจแต่ความใคร่ตรงหน้า ผมค่อยๆ ขยับสะโพกทีละนิด แจ็คที่ดูขัดขืนตอนแรกเริ่มอ่อนแรงลง

            ผมจูบมันอีกครั้ง คราวนี้มันไม่ได้ขัดขืนแต่มันก็ไม่ได้จูบตอบ น้ำตาไหลมันไหลไม่หยุด ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่หยุดขยับสะโพก ข้างในตัวแจ็คนั้นอุ่นและรู้สึกดี เหงื่อไหลจากหน้าผากลงมาที่คอหอย ผมใช้มือบีบเน้นตามร่างกายอย่างเอาแต่ใจ ใช้นิ้วบี้ลงตรงหัวนมมันอย่างแรง

            “อะ อ๊า!! ขอร้องหยุดเถอะ!

            ผมไม่สนใจเสียงกรีดร้องของมัน ผมถอนแก่นกายของตัวเองออกก่อนจะพลิกให้มันหันหลัง ดึงสะโพกของเข้ามาก่อนจะเสียบเข้าไปใหม่มิดลำ

            “อ๊า!!!

            มือสองข้างผมบีบเค้นสะโพกของมันอย่างมันส์มือ เอวก็เร่งจังหวะเร็วบ้าง กระแทกอย่างหนักหน่วงบ้าง ผมไม่แน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินจากคนตรงหน้าเป็นเสียงของความเจ็บปวดหรือเสียงครางจากความรู้สึกดีกันแน่

            “พี่อาร์ต..ชะ ช่วยด้วย..ฮืออ”
            “มึงยังกล้าเรียกชื่อมันอีกหรอ”

            ยิ่งได้ยินแจ็คเรียกชื่อพี่อาร์ต มันก็ยิ่งทำให้ผมโกรธ และผมก็ใช้ความโกรธลงกับร่างกายของมัน ทุกครั้งที่มันเรียกชื่อเฮีย ผมก็อยากจะบดขยี้มันเป็นชิ้นๆ อยากทำลาย อยากทำลายความสัมพันธ์ของพวกมันทั้งสองคนให้มันพังลงตรงหน้า

            “ซี้ดดดด”
            “เอาออกไป เอาออกไป!
            “อยากให้กูเอาออกหรอ

            ผมค่อยๆ ขยับสะโพกของตัวเองออก

            “ฝันไปเหอะ”

            แล้วก็กระแทกกลับเข้าไปอย่างแรงจนแจ็คมันร้องเสียงหลง ผมทำแบบเดิมซ้ำๆ ดึงออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้าไปใหม่ รุนแรงกับมันราวกับเป็นของเล่น ยังไงซะ ยังไงซะมันก็คงไม่มีวันจำคืนนี้ได้
           
            “อืออ!...ไม่นะ..เอาออกไปนะ” เสียงมันขาดๆหายๆตามจังหวะที่ผมขยับเข้าออก
            “ก็ได้ แต่หลังจากกูเสร็จแล้วอะนะ ซี้ดด เสียวว่ะ”

             ร่างกายของแจ็คนั้นอ่อนนุ่ม พอมันขัดขืนก็ตอดแน่นไปหมด ทุกครั้งที่มันบอกให้ผมหยุดก็ยิ่งทำให้อยากขึ้นไปอีก เสียงเนื้อกระทบกันยิ่งช่วยเร้าอารมณ์ของผมให้เตลิดไปยิ่งกว่าเดิม

            “อะ อ๊า!! ปล่อย!! ปล่อยนะเราขอร้อง ปล่อยเราเถอะ” แจ็คร้องเสียงดังลั่นคงเพราะผมเริ่มรัวเอวไม่ยั้ง
            “ซี๊ดดด จะเสร็จแล้ว จะเสร็จแล้ว!

            ผมซู้ดปากก่อนจะปล่อยน้ำเข้าไปข้างในตัวแจ็ค ตรงสะโพกของมันมีรอยมือเป็นสีแดงจากการถูกบีบเค้น เหงื่อผุดขึ้นตามตัวพวกเราสองคนแม้อากาศจะหนาว พอผมถอนแก่นกายออกก็เห็นน้ำของตัวเองที่ปล่อยเอาไว้ไหลออกมา

พร้อมกับเลือด

            พอเห็นเลือด พอความกระหายทั้งหมดหยุดลง ผมลืมตัวตนของตัวเองไปจนหมด มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง มันผิดพลาดที่ตรงไหน ทำไมถึงได้บิดเบี้ยวถึงขนาดนี้ ผมมันไม่ต่างจากเศษสวะ มันจะไปมีค่าอะไรถ้าเป็นผมเองที่ทำร้ายเขาทั้งเป็น
                       
            ทำลงไปแล้ว แจ็คที่นอนเปลือยกายร้องไห้อยู่ที่พื้น มันร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง ถึงอย่างนั้นตัวผมเองที่หน้ามืดก็ไม่คิดจะหยุด มันเจ็บขนาดนี้ ทั้งๆ ที่สัญญาเอาไว้แล้ว สัญญาเอาไว้ว่าจะทำให้มันมีความสุข สัญญาเอาไว้แล้ว สัญญาเอาไว้แล้วแต่ทำไม่ได้ ทำไมไม่ได้เลย

            ทั้งทำร้ายเฮียอาร์ตจนไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไง ทั้งทั้งข่มขืนแจ็คจนหมดสภาพ ให้อารมณ์เข้ามาครอบงำจนไม่เหลือเหตุผล ผมมันเหี้ย ไม่ใช่ใครทั้งนั้นที่สมควรตาย ไม่ใช่เฮียอาร์ต ไม่ใช่แจ็ค ไม่ใช่ฮิม บาส หรือวุด แต่เป็นผมเอง ผมเองแหละที่สมควรตาย รู้ตัวอีกทีน้ำตาไหลออกมาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลย

            ผมทิ้งแจ็คให้นอนอยู่ที่บ้านร้าง โยนเสื้อผ้าของมันคลุมร่างกายมันเอาไว้เอาไว้ รวมถึงเสื้อกันหนาวของผมเองด้วย มันนอนร้องไห้จนหลับไป ผมออกมาจากบ้านหลังนั้นตอนหลังจากนั่งจมอยู่กับความคิดช่วงเวลานึง ตอนนี้แม้จะดึกแล้วแต่ก็ยังมีรถวิ่งผ่านไปมา เสียงรถแล่นผ่านเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี ผมเดินออกมาจนเจอกับถนนใหญ่ ยืนมองรถที่ขับไปมาอย่างรวดเร็ว

            ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

            ขอผมจบทุกอย่างนี้สักที ขอโทษนะแจ็ค ที่ทำให้ความสุขไม่ได้ ขอโทษนะแจ็ค ขอโทษจริงๆ แสงไฟสว่างสีขาวจากหน้ารถใกล้เข้ามาด้วยความเร็วสูงจนทำให้ผมตาพร่า ผมตัดสินใจกระโดดเข้าไปตัดหน้ารถคันนั้น ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่สมองจนทุกอย่างถูกตัดเป็นสีดำ

            ทุกอย่างดำมืดออกไปนานเท่าไหร่ผมก็ไม่อาจจะรู้ได้ ทันใดนั้นผมก็สะดุ้งอย่างแรง ผมตื่นขึ้นมาบนเตียง อากาศเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศกับผ้าห่มหนานุ่มในกลิ่นที่คุ้นเคย ผมกลับมาอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ผมรีบคว้ามือถือที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียง เวลาบนหน้าจอปรากฏไว้ว่า 7 โมง 50 นาที

            ผมวนลูปกลับมาที่เดิม


-------------


ต่อให้คุณตายก็หลุดออกจากลูปไม่ได้หรอกค่ะ
ที่เราเขียนตอนนี้ขึ้นมาเพราะอยากอธิบายให้เห็นว่าตัวคุณนั้นแหลกไปหมดแล้ว
หมดสิ้นหนทางทุกอย่างและตัวเขาก็เป็นคนเลือกเอง (แม้จะมาจากอารมณ์ที่โดนกดดัน)

ลูปนี้คือลูปที่ 99 ค่ะ
ตอนหน้าเฉลยเรื่องลูปทั้งหมดแล้ว ขอสปอยไว้ก่อนเลย จริงๆมีแพลนจะเฉลยก่อนหน้านี้เหมือนกัน
แต่คิดว่าอยากให้เห็นพัฒนาตัวละครของคุณที่ค่อยๆจมลงทีละนิด

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

V
V
V


#คุณความรักครั้งที่ร้อย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม