บิดา

บิดา





1

            ห้องขนาด 35 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ติดรถไฟฟ้าสถานีราชดำริ เป็นเพียงทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวที่ผมมี  เป็นคอนโดที่พ่อแม่ช่วยดาวน์เอาไว้แล้วให้ผมผ่อนเอง รถยนต์ยังไม่มีเพราะคอนโดติดรถไฟฟ้าอยู่แล้ว พวกกองทุนก็ไม่ได้ซื้อเอาไว้เลย เงินเก็บก็ไม่ได้มีมากมาย ถ้าเหลือพอเก็บก็เก็บ ไม่เหลือก็ไม่เก็บ

อายุ 27 ปีแบบไม่มีคุณภาพ

เป็นมนุษย์กินเงินเดือนที่ทำงานแบบเข้าเก้าออกหก เลิกงานก็ตามกระแสติ่ง BNK48 บ้าง คอยอ่านพวกกระทู้วิเคราะห์หนังมาเวลบ้าง ดูบอลตามฤดูกาลบ้าง ก็ตามอะไรก็ได้ที่มันช่วยเสริมสร้างสมองให้คิดงานออก

อาชีพก๊อปปี้ไรเตอร์มันก็แบบนี้แหละ

ผมใช้ชีวิตแบบหนุ่มโสดมาได้ 2 เดือนแล้ว หลังจากเลิกกับแฟนสาวที่คบกันมาปีครึ่ง ก็ปล่อยสมองไหล ทำงานกลับบ้านพักผ่อน เข้าสู่สภาวะ comfort zone อย่างตั้งใจ หมดไฟในการทำงานหาเงินแบบจริงๆจังๆ ใช้จ่ายอย่างเต็มที่เท่าที่เงินเดือนจะจ่ายไหว

จนต้องมามีลูก

ผมมีลูกชายอายุ 17 เรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่เท่าไหร่ไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าม.ปลาย

“พ่อครับ วันนี้เจมส์ซื้อแกงส้มมาด้วย ให้เจมส์จัดโต๊ะเลยมั้ยครับ”
“มึงแดกเลย แล้วก็กูชื่อดล หัดจำซะบ้าง”
“พ่ออยากกินข้าวก่อนหรืออาบน้ำก่อนครับ”

ไอ้เชี่ย นี่ลูกหรือเมีย

ตั้งแต่พี่เมษาตายไปเมื่อ 2 เดือนก่อน ผมรับเจมส์มาเลี้ยงเพราะเจมส์เป็นลูกของพี่เม ผมสนิทกับพี่เมพี่สาวข้างบ้านตั้งแต่ยังเด็ก พี่เมเป็นมากกว่าครอบครัวของผมเพราะไม่ว่ามีเรื่องอะไรเมื่อไหร่ที่ไหน ผมก็จะอุ่นใจว่ามีพี่สาวแสนใจดีคนนี้อยู่ด้วยเสมอ จนเมื่อผมเข้ามหาลัยพี่เขาก็แต่งงาน เราเลยห่างๆกัน ชีวิตหลังแต่งงานของพี่เมไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก เขาหย่ากับสามีและมีลูกติด 1 คน

ของต่างหน้าที่พี่เมให้ไว้จึงเป็นมนุษย์เพศชายอายุ 17 ชื่อเจมส์

“พ่ออย่าเอาแต่นอนสิ  รีบกินข้าวแล้วรีบอาบน้ำนะครับ”
“กูบอกว่าชื่อดล แล้วมึงก็แดกไปเลยไป”

ผมนอนบนโซฟาเล่นมือถือดูไลฟ์น้องเณอปราง ส่วนไอ้เจมส์มันก็นั่งทำการบ้านอยู่บนโต๊ะอาหาร ผมใช้ชีวิตกับมันแบบคนกึ่งแปลกหน้ามาได้เกือบ 2 เดือนแล้ว ทักทายกันพอจำเป็น ไม่ได้รังเกียจ แต่ไม่ได้ชอบอะไร
พอไลฟ์จบผมกินข้าวไวๆ วิ่งผ่านน้ำให้พอสะอาด ตกดึกผมก็ไล่มันไปนอน ยิ่งพอมันมาอยู่ด้วยก็ต้องตื่นเช้าขึ้นเพราะนอนห้องเดียวกัน เวลามันลุกจากที่นอนผมก็พาลตื่นด้วยทุกที เจมส์มันก็เชื่อฟังอย่างว่าง่ายแล้วเก็บเครื่องเขียนลงกระเป๋าหนังจาค๊อบก่อนเดินมานอนบนเตียง

“พ่อครับ”
“กู-ชื่อ-ดล”
“พรุ่งนี้มีประชุมผู้ปกครอง”

เจมส์มันพูดในขณะที่ไฟในห้องนอนปิดอยู่ ผมนอนฝั่งซ้าย มันนอนฝั่งขวา มีเพียงแสงจากมือถือของผมที่ยังส่องสว่าง

“กี่โมง”
“เก้าครึ่ง แต่ว่าถ้ายุ่งก็ไม่เป็นไรครับ”

เจมส์มันนอนมองเพดาน ผมแอบหันไปมองหน้ามัน เจมส์มีส่วนคล้ายพี่เมอยู่หลายส่วน จมูกนิด ปากหน่อย รวมถึงหางตาชี้ขึ้น คล้ายกันจริงๆ คล้ายกับพี่เม คล้ายกัน รักครั้งแรก คล้ายเหลือเกิน

เจมส์คล้ายกับรักแรกของผมแต่มันก็ไม่ใช่

งานศพของพี่เมไม่ใหญ่นัก จัดสวดแค่สามวันแล้วเผาเลย คนรอบตัวต่างก็ช่วยออกค่าใช้จ่ายกันคนละนิดคนละหน่อย ผมก็ช่วยด้วยเช่นกัน บรรยากาศในงานอึดอัด พี่เมเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ วินาทีที่ผมได้รู้ข่าว ผมลงไปกองกับพื้น แต่เจมส์ไม่ร้องไห้เลย แววตาแน่นิ่ง ยิ้มรับแขกอย่างใจเย็น

น่าสงสารเนอะ เมมาตายไป
แล้วใครจะดูแลไอ้เจมส์
กูแค่เลี้ยงหมาก็ค่าใช้จ่ายเยอะแล้ว เด็กทั้งคนเนี่ย ไม่ไหวหรอก

ถึงจะกระซิบกระซาบแต่ผมก็ได้ยิน ทุกคนในงานเอาแต่คิดถึงอนาคตของเจมส์ จะด้วยความหวังดีก็ดี จะด้วยความไม่หวังดีก็ดี แต่บทสนทนาเหล่านั้นบั่นทอนจิตใจ ผมเป็นแค่คนนอกแค่ฟังก็ยังกระอักกระอ่วนแล้วเจมส์ที่นั่งข้างหน้าจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ

แต่เจมส์ก็ยังคงยิ้มรับแขกอย่างตั้งใจ

วันนั้นฝนตกเลยทำให้แม้พระจะสวดเสร็จแล้วแต่ทุกคนก็ยังกลับไม่ได้ กลายเป็นทุกคนมายืนออคุยกันเสียงดังในอาคาร หัวข้อของเจมส์ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากเป็นเรื่องใครจะรับไปเลี้ยง เจมส์เรียนโรงเรียนอะไร ควรติดต่อสามีของพี่เมมั้ย แล้วมรดกล่ะมีรึเปล่า ทุกอย่างดูสับสนวุ่นวายและเลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อมีคนพูดว่า “อีเมมันตายแล้วยังเสือกทิ้งภาระไว้อีก” ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ผมตะโกนบอกว่าจะรับเลี้ยงเจมส์เอง ทั่วอาคารนั้นเงียบไปชั่วขณะนึงก่อนที่เรื่องของเจมส์จะถูกสับเปลี่ยนไปเป็นวันนี้จะกินอะไร ฝนตกแบบนี้รถน่าจะติด

ไม่ใช่เพราะว่าความใจเร็วด่วนได้ แต่ตอนนั้นคล้ายๆว่าเห็นแววตานิ่งนั้นสั่นไหว

ผมจูงมือเล็กๆนั้นที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของรักแรก เดินฝ่าเม็ดฝนที่แสนหนาวเหน็บ วันนั้นไม่ได้พกร่ม ไม่มีแท็กซี่ รองเท้าคอนเวิร์สแจ๊คเพอเซลเปียกจนชุ่ม เจมส์ไม่ร้องไห้เลยทั้งๆที่ได้ฟังคำดูถูกต่อแม่ที่ตายไปหรือต่อตัวเอง เจมส์ไม่ร้องไห้ จะมีก็แต่ผม ผมที่ไม่รู้ทำไมถึงร้องไห้ไปพร้อมๆกับสายฝนบ้าๆอยู่คนเดียว หัวใจผมได้แหลกสลายและมีไหล่ของเด็กอายุ 17 ไว้พักพิง

นับจากวันนั้นเจมส์ก็มาอยู่ด้วย

“เดี๋ยวกูไป”

ผมหันหลังให้มันแล้วกดมือถือก่อนที่มันจะเลื่อนสายตาจากเพดานมาทางนี้

“ขอบคุณครับพ่อ”
“กูชื่อดล”

ไม่ชอบใจเลย เสียงมันก็คล้ายกับพี่เม

“วันหลังหัดบอกเร็วๆหน่อย”

พอกดล็อคมือถือ แสงสว่างในมือก็มืดสนิทลง ทั้งห้องเป็นสีดำ ผมรู้ดีว่าอีกฝ่ายยังไม่นอน ผมเองก็ยังไม่นอน มันเป็นช่วงเวลาแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นทุกคืน เราไม่คุยกันแต่เราก็ยังไม่หลับ

ผมไม่มีภรรยาแต่ผมมีลูกชาย ผมไม่เคยสอนเขาเดิน ไม่เคยสอนเขาขี่จักรยาน ไม่เคยสอนงานบ้านเขา เขาทำเป็นอยู่แล้ว เขาเป็นเหมือนลูกกึ่งสำเร็จรูป แค่เทน้ำทิ้งไว้สามนาทีก็เป็นไอ้เจมส์คนเก่งที่ทำทุกอย่างได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งที่หนึ่งที่เด็กอายุสิบเจ็ดก็น่าจะยังไม่เก่งจนทำให้ผมต้องนอนหันหลังให้

เพราะตอนนั้นคล้ายๆว่าเห็นแววตานิ่งนั้นสั่นไหว


2


จริงๆประชุมผู้ปกครองก็ไม่มีอะไรสลักสำคัญ เป็นกิจกรรมที่ว่ามีก็ดีไม่มีก็ได้ แค่มารับทราบข่าวสารของทางโรงเรียน พบปะพูดคุยกับผู้ปกครองคนอื่นเล็กน้อย พฤติกรรมหลักๆของเจมส์ก็ไม่มีปัญหาอะไร การเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ อาจจะมีคณิตเสริมที่อ่อนไปหน่อยแต่ทุกอย่างเรียบร้อยดี สำหรับผู้ใหญ่มันก็เป็นแค่การเข้าร่วมประชุมน่าเบื่อๆ(ยกเว้นลูกคุณมีปัญหาก็จะไม่ค่อยเบื่อหรอกแต่จะออกไปทางปวดหัว) แต่สำหรับเด็กๆแล้วเหมือนจะเป็นการได้ดูหน้าพ่อแม่ของเพื่อนอะไรแบบนั้น ผมว่าผมก็พอเข้าใจเด็กๆอยู่นะ คงเพราะผมเด็กที่สุดในผู้ปกครอง ผมเองก็อยากดูหน้าเพื่อนของเจมส์มันเหมือนกัน

พ่อเจมส์หนุ่มจัง
หล่อด้วย

ได้ยินแล้วก็ยิ้มกริ่ม เสียงเด็กๆต่างสนใจในตัวผมกันทั้งนั้น ถ้าเทียบกับลุงๆก็ไม่แปลกหรอกครับ แหม

ผมได้เจอเจมส์ตอนเที่ยงก่อนจะแยกย้ายรีบเข้างานช่วงบ่าย พลันกำลังจะร่ำลาก็มีสายนึงเด้งขึ้นมาบนโทรศัพท์ - เตย แปลกใจเหลือเกินเพราะตั้งแต่เลิกกันไปเหมือนเตยจะเป็นคนบล๊อคเบอร์ผมเองเสียด้วยซ้ำ เลือกกดปุ่มรับสายอย่างช่วยไม่ได้เพราะใจนึงก็อยากรู้เหลือเกินว่ามีเรื่องอะไร

 “โอเค..เข้าใจแล้ว..งั้นเย็นนี้เจอกันก็ได้ อืม อืม ร้านเดิม ได้ โอเค”

พอวางสายก็ว่าจะบ๊ายบายคนตรงหน้า แต่เหมือนเจ้าตัวดีจะหายวับไปซะแล้ว ไม่แน่ใจว่างอนอะไรมั้ย แต่ก็ช่างเถอะ

ไม่รู้ลมอะไรพัดให้เตยอยากเจอผม สาวเจ้าบอกแค่ว่ามีเรื่องไม่สบายใจอยากปรึกษา ก็ได้แต่สงสัยทั้งวันจนไม่เป็นอันทำงาน จนมาเจอกันที่ร้านอาหารตอนเย็นถึงได้เข้าใจแจ่มแจ้ง เตยเลิกกับแฟนใหม่ เจ้าตัวก็พูดพร่ำอะไรไม่รู้เยอะแยะ บอกว่าขอโทษที่เลิกกันไป จริงๆตอนนั้นก็ยังรักอยู่แต่ว่าอะไรก็ไม่รู้ ผมหูดับไปเลยตอนเห็นผู้หญิงที่เคยรักกำลังดราม่า จริงๆหลังจากที่เลิกกันแล้วก็มีเรื่องพี่เมมาตายไปอีก ผมเสียหลักไปแว่บนึงเหมือนกัน แต่เพราะเจมส์เข้ามาพอดีเลยยุ่งจนลืมทุกอย่างไปหมดเลย

ผมก็ได้แต่นั่งฟังคุณเธอพูดไปเรื่อย

ติ้ง

20:13
Jame : พ่อครับ ของสดหมด
20:14
Jame : หิว
20:15
Jame : จะกลับกี่โมงครับ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไอ้เด็กเจมส์นี่มันยังไงนะ ปกติไม่เคยตามผมกลับบ้านเลยแท้ๆ แต่ก็ดี อย่างน้อยก็เป็นข้ออ้างให้ผมรีบกลับ ทางนี้ก็เบื่อเต็มแก่แล้วเหมือนกัน ผมจัดแจงรวบช้อนอาหารที่จานตรงหน้า

“ดล จะกลับแล้วหรอ” เตยทักหลังจากเห็นผมทำท่าเหมือนจะลุก
“อืม”
“รีบกลับทำไม กลับไปก็อยู่คนเดียว อยู่คุยกับเตยก่อนสิ”
“ลูกตาม”

เตยหน้าเหวอไปแว่บนึง ผมเรียกให้พนักงานมาเก็บเงิน ในมือพนักงานมีข้าวผัดหมูพิเศษไข่ดาวที่ผมสั่งกลับบ้านมาด้วย ผมจัดแจงจ่ายค่าอาหารเฉพาะของตัวเองแล้วขอตัวกลับก่อน ไม่ใช่เพราะว่าอยากเจอไอ้เจมส์มันหรอกนะ แต่ขี้เกียจมานั่งฟังเรื่องไร้สาระมากกว่า

**

พอกลับมาบ้านก็ไม่เจอไอ้ตัวดีนั่งประจำที่โต๊ะอาหารทำการบ้านหรืออะไร ไฟสีส้มถูกเปิดทิ้งไว้หลายดวง มีเสียงเพลงดังก้องมาจากห้องน้ำคลอกับเสียงฝักบัว ชุดนักเรียนถูกถอดทิ้งไว้บนเตียงนอน มีชีทเรียนวางเอาไว้ด้วย

เสียงฝักบัวหยุดลง

“พ่อกลับมาแล้วหรอครับ!” เจมส์ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ
“เออ!” ผมตะโกนตอบ

เสียงฝักบัวดังขึ้นอีกครั้ง ผมเอนตัวลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ ห้องน้ำกับห้องนอนนั้นติดกัน มีเพียง walk-in closet สั้นๆกั่นเอาไว้ดังนั้นการตะโกนคุยกันจึงสามารถทำได้ ผมกดมือถือเล่นเข้าเฟสบุ๊คเช็คอะไรต่อมิอะไรเพื่อรอให้เจมส์มันอาบน้ำเสร็จผมจะได้อาบต่อ ก่อนนอนว่าจะดูบอลคืนนี้สักหน่อย ญี่ปุ่นเตะกับเกาหลีซะด้วย

เสียงฝักบัวหยุดลง

“พ่อครับ น้ำอุ่นไม่ทำงาน”
“มึงเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นรึยัง”
“เปิดแล้วๆ พ่อเข้ามาดูหน่อยสิครับ”

อะไรของมัน ตอนเช้ายังใช้ได้ดีๆอยู่เลย

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ก็เอ่อ

คิดว่าปกติมันก็ต้องแบบ ใส่เสื้อผ้าก่อนหรืออะไรมั้ย หรือยังไง

อืม

ก็ขาวจังนะ

มายืนเอาผ้าปิดๆไว้เอง แล้วแบบ ยังไงวะ

สติครับตัวกู สติ

“น้ำร้อนไม่ออกเลยครับ”

ผมได้แต่มองตรงไปที่เครื่องทำน้ำอุ่น สนใจแค่นั้นพอ จะไม่สนความขาว เอ้ย ไม่สนใจไอ้เจมส์มัน เพ่งมองดูแล้วก็พบว่าปัญหามันเบสิคมาก จะเรียกผมเข้ามาทำไม!!!

“มึงลืมกดปุ่มเปิด”
“อ่อ”

เป็น อ่อ ที่ไม่ใช่อ่อธรรมดา เป็นอ่อแบบ “อ่อ รู้อยู่แล้ว” ผมสัมผัสได้ ไอ้เจมส์มันเล่นอะไรของมันเนี่ย ผมกดสวิตเปิดอาบอุ่นแล้วก็รีบแทรกตัวออกจากห้องน้ำทันที มายืนกับเด็กที่กึ่งโป๊กึ่งเปลือยมันก็แปลกๆ แต่มันก็กำลังอาบน้ำไง มันก็ไม่แปลกมั้ง แล้วก็มันเป็นผู้ชายเหมือนกัน จะไปเกร็งทำไมวะ โอ้ย กูเครียด

คืนนั้นทั้งคืนแม้บอลจะจบแล้ว แต่ผมก็เลือกที่จะยังไม่กลับเข้าห้องนอน ปล่อยให้เจมส์มันนอนในห้องไป ส่วนผมคืนนี้คงต้องนอนบนโซฟาสงบสติสักหน่อยแล้ว

3

วันนี้เจมส์บอกว่าจะออกกำลังกายที่ห้อง

จริงๆแล้วที่คอนโดก็มีฟิตเนสอยู่เหมือนกันแต่เหมือนเจมส์มันจะบอกว่าอยากเล่นอะไรง่ายๆแปปเดียว ซึ่งผมก็ไม่ขัดอะไร ไม่แน่ใจว่าห้องเรามีเสื่อโยคะตอนไหน เจมส์หยิบขึ้นมาปูก่อนจะวิ่งไปเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกาย

เสื้อยืดหลวมๆกับกางเกงขาสั้น

ขาวอีกแล้ว

“พ่อมองอะไรครับ”

ผมสะดุ้ง หันหน้ากลับมาเล่นมือถือตามเดิม เจมส์มันปูเสื่อเล่นข้างๆโซฟาที่ผมกำลังนอนเล่นอยู่ มันก็ดูทะมัดทะแมงดี ผู้ชายไงเว่ย ออกกำลังกายไง เอ่อ ผู้ชายไง แมนๆ ออกกำลังกาย

“อือ”

เชี่ย มันครางทำไมวะ

แล้วเจมส์มันก็ร้อง อือๆ อ่าๆ อะไรของมันอยู่ข้างๆผมเนี่ย เหลือบไปมองก็เห็นว่ามันยืดเส้นทั่วๆไปไม่ได้มีอะไรผิดสังเกต แต่ก็นะ ทำไมเสียงมันกระเซ้าดีจัง แล้วมาแหกแข้งแหกขา เชี่ยเอ้ย

“พ่อครับ”

นี่ผมโดนจับได้หรอว่าแอบดูมัน เปล่าผมไม่ได้ดู ไม่ดิ ไม่ได้แอบดู แล้วถึงผมจะดูแล้วมันจะทำไม ผู้ชายออกกำลังกาย ดูแล้วมันผิดตรงไหน เจมส์มันก็ผู้ชายไง ฮาฮาฮ่า

“ช่วยยืดเส้นหน่อยครับ ท่านี้เจมส์ทำคนเดียวไม่ได้”
“ท่าอะไรของมึง”

ผมว่าพลางลุกไปนั่งยองๆข้างมัน เจมส์มันนอนราบไปกับเสื่อโยคะขาข้างนึงชันขึ้นมา กางเกงขาสั้นเลยหัวเข่าไปโข เสื้อยืดหลวมๆคอกว้างทำให้เห็นไหปลาร้าข้างนึง หน้าแดงๆ หอบหายใจแฮ่กๆ

“เดี๋ยวพ่อช่วยดันขาเจมส์มาข้างหน้าหน่อยครับ”
“ทำไงวะ”
“ขยับมาใกล้ๆสิครับ”

ผมขยับเข้าไปอย่างว่าง่าย พอคุกเข่าอยู่ตรงหน้า เจมส์มันก็วางขาข้างนึงบนบ่าของผม

“ดันมาเลยครับ”

กู-หมด-คำ-จะ-พูด
หล่อแหลมสัดๆ นี่มันท่าเหี้ยอะไรเนี่ย ดีนะพาดขามาข้างเดียว พาดมาสองข้างนี่ดูไม่จืดเลยนะ แล้วให้ผมดัน ดันอะไร โคตรแห่งความเสื่อม ไอ้เด็กเจมส์มันอะไรของมัน นี่ท่ายืดเส้นหรือท่าอะไร

“เร็วๆสิครับ”

กลืนน้ำลาย

ผมค่อยๆดันตัวไปข้างหน้าโดยที่มีขาพาดอยู่บนไหล่ ภาพตรงหน้าคือเจมส์นอนอยู่ เราเลยสบตากันแบบเลี่ยงไม่ได้ เนื้อแนบเนื้อกันสุด ให้ตายเหอะ เจมส์เอ้ย จะหรือตาปรือทำเชี่ยอะไร

“อือ”
“มึงจะครางทำไม”
“พ่อครับ เจมส์เจ็บ”

ดูมันทำหน้า ดูมันทำ!! ผมก็คงเผลอดันลึกไป เอ้ย ไม่ใช่แบบนั้น คือยืดเส้นมันหนักไปหน่อย มันเลยเจ็บ แต่นัยน์ตาหวานเชื่อม ทำท่าหน้าแบบกึ่งเจ็บกึ่งรู้สึกดีแบบนี้ ต้องให้รู้สึกยังไงวะ แล้วมาเรียกกูพ่อๆ เห้อออออ ทำไมเหมือนผมกำลังทำบาป

“ดันเข้าๆออกๆอีกสองทีนะครับ”

ผมจะระเบิดแล้ว สตินะ สติผมจะระเบิดแล้ว คำพูดคำจาใครสั่งใครสอน กูเป็นพ่อมึง กูจำได้นะว่าไม่เคยสอนให้พูดแบบนี้ กูจะฟ้องครูมึง กูจะเรียกเพื่อนมึงมาตักเตือน ไอ้ลูกบ้า

สรุปผมก็เลยช่วยมันยืดเส้นด้วยท่าแปลกประหลาดจนเสร็จ เสร็จแบบ คือช่วยจนเสร็จ ไม่ใช่เสร็จ โอ้ยยยยยย กูเป็นอะไรของกูเนี่ย


4


หลายวันถัดมาผมต้องรับมือกับสารพัดวิธีที่เจมส์มันงัดขึ้นมาใช้ ทั้งทำงานบ้านโดยนุ่งสั้น(ซึ่งมันก็ไม่แปลกถ้ามันจะใส่กางเกงขาสั้นในบ้าน) ทำปิ่นโตให้ผมก่อนไปทำงาน มานวดหลังให้หลังเลิกทำงาน คอยกระแซะถามคำถามการบ้านวิชาสุขศึกษาแบบที่ดูเหมือนจะจงใจ(เช่น ทำยังไงถึงจะมีลูก) และอื่นๆอีกเยอะ

ยอมรับว่าบางวิธีทำเอาผมตัวงอไปเหมือนกัน เดินตรงๆไม่ได้เลย

คืนนี้ทุกอย่างปกติดีเจมส์มันทำการบ้านที่โต๊ะกินข้าวตามปกติ ไม่มีออกกำลังกาย ไม่มีการมาขอนวดให้ ผมได้ความสงบสุขกลับมาอีกครั้ง พวกเราก็อาบน้ำเข้านอนกันแต่หัววันเหมือนเดิม

เจมส์มันมักจะนอนมองเพดาน

มันคงคิดถึงพี่เม ไม่ต้องเดาหรอกเพราะผมเองก็คิดถึงเหมือนกัน ยิ่งลูกเขามาอยู่ด้วย ผมยิ่งคิดถึงพี่เมมากกว่าเมื่อก่อนอีก ทั้งเสียงทั้งหน้าคล้ายๆถอดแบบพี่เมตอนเด็กๆมาไม่มีผิด

“พี่ดลครับ”

เจมส์เอ่ยเสียงเบา

“ถ้าเจมส์โตแล้ว เจมส์จะย้ายออกนะ”

ไม่มีน้ำเสียงเล่นๆ ไม่มีสีหน้ายั่วยวน เจมส์ไม่เรียกผมว่าพ่อเหมือนทุกที เจมส์มองนิ่งๆไปที่เพดาน ก็พอจะเข้าใจอะไรๆอยู่หรอก เด็กอายุ 17 มันก็คือเด็กอายุ 17 ผมคงเป็นเหมือนฮีโร่ในสายตามัน มันก็มีหลายส่วนประกอบที่มันจะชอบผม แต่ถ้าผมไม่เล่นด้วยมันก็เท่านั้นเอง มันก็แค่การละเล่นแบบเด็กๆ

“แล้วมึงจะไปอยู่ไหน”

เจมส์ไม่ตอบ

“กูรับมึงมาแล้ว จะอยู่นี่ก็อยู่ไป ถ้าจะย้ายออกก็ตอนที่พร้อมดิ ไม่ต้องไปกำหนดวันนี้พรุ่งนี้”
“เดี๋ยวพี่ดลก็ต้องมีครอบครัวของตัวเอง”
“มึงแอบฟังกูคุยกับเตยหรอ”
“กูไม่กลับไปคบเตยหรอก แล้วมึงก็คือครอบครัวกูไง”

ผมพูดทุกอย่างไปตามความจริง ผมชื่อ ธนาดล อักษรไพศาล เจมส์มันตอนนี้มันชื่อ เจตนิภัทร อักษรไพศาล ตัวอักษรที่บ่งบอกถึงความเป็นครอบครัว นามสกุลที่ผมแบ่งให้มันใช้ แชมพู สบู่ เนื้อหมู ไก่ โซฟา โต๊ะ ตู้ เตียง เราก็ใช้แบ่งๆกัน เหมือนที่ครอบครัวอื่นๆเขาทำกัน

ไม่ใช่เพราะว่าความใจเร็วด่วนได้ แต่ตอนนั้นคล้ายๆว่าเห็นแววตานิ่งนั้นสั่นไหว

วันนี้ผมไม่ได้นอนหันหลังให้เจมส์

แววตานั้นสั่นไหว เอ่อล้นด้วยไปน้ำตา ผมเพิ่งรู้ว่าเจมส์เป็นพวกร้องไห้แบบไม่สะอื้น ทุกอย่างเงียบเฉียบ มีเพียงน้ำตาที่ไหลจากหางตาตกลงบนหมอน 

“ขอบคุณครับ”

แม้แต่น้ำเสียงก็ไม่สั่น

ไม่แน่ใจว่าทุกครั้งที่ผมหันหลังให้ เจมส์มันร้องไห้แบบนี้ทุกคืนรึเปล่า ทุกการกระทำที่มันทำเพราะอยากให้ผมยอมรับอย่างนั้นหรอ ผมไม่เคยรับรู้ว่าเจมส์คิดอะไร เจมส์เป็นเด็กดีที่มีกำแพงและผมก็ไม่อยากเข้าไปทำลายกำแพงพวกนั้นเข้าไป

อายุ 27 ปีแบบไม่มีคุณภาพ

ผมไม่ใช่คนที่โหยหาความรักเพราะที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องการความยุ่งยาก ไม่ต้องการอะไรเลยขอแค่ช่วงนี้ได้โอชิน้องเณอปรางก็พอ

แต่ผมกลับมีลูก

วินาทีที่ผมเห็นเจมส์ร้องไห้เพราะคำว่าครอบครัว ก็เข้าใจแล้วว่าความใจดีเพียงหยิบมือกลับมากมายมหาศาล บทสนทนาที่ผมเองก็ตอบส่งๆกลับดูล้ำค่า ผมเข้าใจแล้ว  

“พี่ดลรู้มั้ย ทำไมวันนั้นเจมส์ไม่ร้องไห้”
“ทำไมวะ”
“เพราะว่าพี่ร้องไห้แทนเจมส์ไปหมดแล้ว”

ไม่แน่ใจว่าวันนั้นร้องไห้ไปเยอะแค่ไหน จะตวงเอาไว้ก็คงมีแต่น้ำฝน ผมรู้แค่ว่าผมสงสาร ผมอยากดูแลความรักของพี่เม ถ้าผมดูแลพี่เมไม่ได้ อย่างน้อยความรักของเขาผมก็อยากจะดูแล เจมส์คือความรักของพี่เม เด็กคนนี้ที่โตมาได้อย่างดีก็เพราะว่าพี่เมตั้งใจเลี้ยง ผมเชื่อแบบนั้น

ผมดึงเจมส์เข้ามากอด

ไม่รู้ว่าจะเรียกตัวเองว่าพ่อได้เต็มปากมั้ย ก็อายุยังไม่ทันจะสามสิบเลย รถก็ไม่มี บ้านก็ไม่มี คอนโดก็ยังผ่อนอยู่เลย ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง แค่เจียดค่าใช้จ่ายมาซื้อของสดของใช้ก็ตึงๆมือแล้ว

แต่อยากดูแลมัน

“ทำไรของมึงเนี่ย”

เจมส์ทำจมูกฟุดฟิดตรงหน้าอกผม คล้ายๆหมาที่กำลังดมอะไรสักอย่าง

“เจมส์กำลังดมกลิ่นพ่อครับ”

เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ

เหนื่อยใจจริงๆ

“วันไหนกูทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วจะรู้สึก”
“รู้สึกดีใช่มั้ยครับ”
“ไอ้เจมส์!” ผมปรามเสียงเบาๆในลำคอ

วันนี้เราสองคนนอนหันหน้าเข้าหากัน ผมวางมือถือไว้ที่หัวเตียง ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 7:30 นาฬิกา เรายังคงไม่หลับกันเหมือนเดิม เพียงแต่วันนี้เราจ้องหน้ากันด้วยสายตาที่ชินกับความมืด

END


ตอนนี้อยากแต่งแบบสบายๆไม่ปวดหัวดูบ้าง หวังว่าจะชอบกันนะคะ
ต่อไปนี้ในโปรเจคเราจะใช้ชื่อตัวละครของแดเนียลว่าดล
ส่วนจีฮุนคือเจมส์นะคะ

อาจจะมีปรับเปลี่ยนบางตอนตามความเหมาะสมของพลอตไม่ใช่อะไรนะ ขี้เกียจคิดชื่อใหม่ 555 
สามารถใช้ #ดลเจมส์สิบหน้า ด้วยกันกับตอนที่สองได้เลยค่ะ





ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม