เอเลี่ยน
เอเลี่ยน
1
แจ๊คคือเดือนมีนาคมสำหรับผม
ทะเลเดือนมีนาคมที่สวยงาม
แดดแรงที่ฉาบหาดทรายขาวให้สว่าง ท้องฟ้าโปร่งที่เห็นเมฆเรียงตัวแต่แจ๊คไม่ใช่ทะเลตอนกลางวัน
หมอนั้นเป็นความสวยงามยามค่ำคืน ทะเลกลางคืนที่หนาวเหน็บ
ลมที่พัดจนเหนียวตัวและไฟสลัวตอนกลางคืน นั้นคือ – แจ๊ค
สวยงามที่สุดในเวลาที่โลกไม่ให้ความสนใจ
ผมวาดฝันเวลาเข้าแถวก่อนเข้าเรียนเพียงแค่การหันไปมองหน้าจะได้พบสบตา
ยืนขยับยุกยิกที่ป้ายรถเมล์ขากลับบ้านเพียงเพื่อให้ดูมีตัวตน
ใจเต้นโครมครามให้กับความว่างเปล่า ภายใต้ความรู้สึกนับล้านที่ไม่สาสามารถพูดออกไปได้แม้คำว่าสวัสดี
ผมกลับก้าวขากระโดดลงทะเลเดือนมีนาคมทันทีแบบไม่ยั้งคิด
ผมกับแจ๊คมาใช้วันเสาร์ด้วยกันแบบสิ้นเปลืองด้วยการเข้ามาในเมือง
เลือกทำกิจกรรมโหล่ๆอย่างกินข้าว เดินเล่น
ดูหนังเพียงเพื่อให้วันนี้มันหมดลงและห่างไกลจากความเจ็บปวด
หมวกแก๊ปโปโล เสื้อเชิ้ตหลวมๆ
กางเกงยีนสีซีดและรองเท้าผ้าใบ แจ๊คในชุดไปรเวทดูน่ารักและไม่ชินตา ถึงอย่างนั้นหางตาชี้ขึ้นและท่าทีที่เหมือนกับแมวบ้านแสนขี้เกียจก็ยังคงบ่งบอกความเป็นเขาได้ชัดเจน
ในโรงหนังฉายหนังอนิเมชั่นเรื่อง The
Garden of Words ของ มาโคโตะ ชินไค เนื้อเรื่องราบเรียบจนน่าใจหาย
ฤดูฝนที่สวยงามนั้นขัดแย้งกับลมทะเลร้อนๆด้านนอก แต่ผมก็รักหนังของมาโคโตะ ชินไค
ผมและแจ๊คไม่ได้เลือกหนังเรื่องนี้แต่หนังเรื่องนี้ต่างหากเลือกพวกเรา
วินาทีที่เห็นเฮียอาร์ตในบีทูเอสตรงชั้นหนังสือ
ตอนนั้นผมก็รู้แล้วว่าทำไมแจ๊คถึงชวนผมเข้าเมืองวันเสาร์แต่เช้า ความเจ็บปวดผสมความรู้สึกผิดมันนั่งรถไฟข้ามเกาะมาทำร้ายพวกเรา
ทำร้ายแจ๊ค ทำร้ายผม ทำร้ายเฮีย ทำร้ายคนที่โกหก ยกเว้นพี่มีนที่ใสซื่อ
เฮียกับพี่มีนกำลังยืนคุยกับแจ๊ค มีสิ่งหนึ่งที่ผิดแปลกไปจากทุกที
สีหน้าของแจ๊คดูไม่ดีเลย อาจเป็นเพราะว่าแจ๊คมักไม่ค่อยเปลี่ยนสีหน้าคนเลยไม่รู้ว่าหมอนั่นคิดอะไรแต่ผมที่มองมาตลอด
4 ปีสามารถรู้ได้ทันที
แจ๊คไม่เคยทำหน้าแบบนี้
เวลาแจ๊คดีใจผมแยกออกหรือว่าจะโกรธนิดๆก็ยังแยกออก
ตอนที่กังวลหรือคิดไม่ออกก็เคยเห็นบ่อยๆตอนสอบ มีเพียงอารมณ์เดียวที่ผมยังไม่เคยเห็น
นั้นคือเวลาแจ๊คเศร้า
เคยอยากรู้ว่าจะทำหน้ายังไง แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งทำได้มั้ย
เมื่อฉากหนังจบลงพร้อมกับ ฝน
ต้นไม้สีเขียว สายรุ้ง และน้ำตา อันเป็นองค์ประกอบของ The Garden of Words หนังที่ไม่ได้ยาวมากนักแค่ประมาณ
40 นาทีนิดๆ เราต่างก็ลุกขึ้นออกจากโรง
เราหนีเข้ามาดูหนังเรื่องนี้เพียงเพราะโรงข้างๆมีเฮียกับพี่มีน
หนังเรื่องนี้ไม่มีใครอยากดู เดทแรกของผมกับแจ๊คไม่มีการใจเต้นจากการแอบจับมือ
แย่งขนมป๊อปคอร์น ไม่มีอะไรเลย เป็นการฆ่าเวลาให้แจ๊คไม่ต้องเสียใจกับการเห็นคนที่ตัวเองรักไปรักกับคนอื่นและฆ่าเวลาที่ผมควรจะมีความสุขกับเขา
ศพที่ชื่อว่าเวลาตายลงอย่างช้าๆด้วยเวลา
40 นาที
……
เมื่อรถไฟฟ้าถึงสถานีปลายทางสุดท้ายที่เกาะ
แจ๊คไม่ขยับตัวเลยสักนิดเดียว
“จะลงไปก่อนก็ได้นะ”
แจ๊คพูดอย่างราบเรียบเหมือนวางแผนไว้แล้ว
มองเวลาตอนนั้นหกโมงครึ่ง
ฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มอบอุ่น ยามพลบค่ำกำลังจะมาเยือน ภายในโบกี้รถไฟข้ามเมืองถูกย้อมจากแดดจนกลายเป็นสีส้ม
ผมสีน้ำตาลของแจ๊คโดนแดดจนเป็นสีอ่อนๆจนออกแดง
ลมทะเลอุ่นๆปะทะกับแอร์เย็นๆเมื่อประตูรถไฟฟ้าเปิดออก
แจ๊คยังคงนั่งนิ่ง
ใจหนึ่งก็อยากนั่งด้วยแต่อีกใจก็เกรงใจกลัวว่าแจ๊คจะอยากอยู่คนเดียว
ผมเลยเดินออกจากโบกี้รถไฟแต่ยังคงเหลียวหลังมองอีกฝ่าย
มองอีกฝ่ายที่นั่งคนเดียวบนขบวนรถไฟฟ้า มองเขาที่มองผมกลับมา
ปิ้ปๆๆ
เสียงแหลมของสัญญาณเตือนดังขึ้นก่อนที่ประตูจะปิดลง
ผมกระโดดกลับเข้ามาบนรถไฟ แจ๊คทำโตตาตกใจแว่บนึงก่อนจะกลับไปสงบนิ่ง
ผมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมข้างๆหมอนั่น ยื่นหูฟัง MP3 ให้ข้างนึง
กดปุ่มเพลย์ในจังหวะที่รถไฟฟ้าเคลื่อนตัว
ราวกับเครื่องฟังเพลงเครื่องนี้นำพาพวกเราไปที่ไหนสักแห่ง
พอท้องฟ้าเริ่มมืดลงจนสีน้ำเงินเข้มปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ตอนนั้นก็เหมือนรถไฟได้ขับผ่านดวงดาวนับพัน มันเป็นแสงไฟจากตึกสูง บนรถไฟที่ไร้ผู้คนจากต้นสถานีก็ค่อยๆถูกเติมทีละน้อย
จากพวกเราสองคนก็กลายเป็นสิบ กลายเป็นยี่สิบ กลายเป็นสามสิบ แล้วก็นับไม่ถ้วน
เพราะไม่มีการต่อบทสนทนา
เปลือกตาก็เลยหนักอึ้ง
ผมตื่นขึ้นตอนที่รถไฟหยุดที่สถานีปลายทางอีกครั้ง
เพลงในหูฟังได้หยุดลงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกับมันอยากบอกทางอ้อมว่าแบตเตอร์รี่ความฝันได้หมดลงแล้วถึงเวลาเดินกลับไปพบกับความจริง
ผมอยากถามว่าวันนี้ทั้งวันแจ๊คเหนื่อยมากเลยรึเปล่า
วันนี้มันยาวนานมากเลยใช่มั้ย การที่เห็นคนที่ตัวเองรักต้องรักกับคนอื่นมันเจ็บปวดใช่รึเปล่า
ก็ต้องแน่อยู่แล้วเพราะเวลาผมเห็นมันกับเฮียผมก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน
ตอนนั้นที่เฮียกับพี่มีนยิ้มแย้มตอนนั้นใช่มั้ยที่มันไม่ไหว
ขอโทษที่ทำอะไรไม่ได้เลย อยากจับมือแน่นๆ อยากมอบอ้อมกอดที่อบอุ่น
ลูบหัวให้กำลังใจ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะจูบเพื่อให้รู้นะว่าความรักมันมีอยู่
ยังไม่ได้หายไปจากโลกนี้
แต่ผมก็ทำได้แค่นั่งข้างๆบนรถไฟแล้วยิ้มให้เท่านั้นเอง
2
พวกเรานั่งรถเมล์รอบค่ำมาลงที่ปายรถเมล์ที่พวกเรามักจะเจอกันเป็นประจำหลังเลิกเรียน
จากตรงนี้สามารถเดินกลับบ้านผมได้ง่ายๆ ตามปกติแจ๊คจะนั่งต่อไปอีกป้ายนึงแต่รถเมล์สายนี้หมดระยะแล้ว
แจ๊คเลยต้องเดินกลับโดยมีผมที่อาสาพามันไปส่ง
บนถนนตอนกลางคืนที่มีไฟข้างถนนให้แสงสว่าง
ด้านซ้ายเป็นหาดทรายกับทะเล ด้านขวาเป็นบ้านและร้านรวงที่กำลังหลับใหล
แสงไฟถูกเปิดแค่เพียงให้เห็นทาง เสาไฟบนถนนห่างกันราวๆ 5-6 เมตร
เมื่อเดินผ่านเสาต้นนึงก็จะเกือบๆพบกับความมืดแต่พอเดินไปอีกนิดนึงก็จะพบกับแสงสว่าง
สลับสับเปลี่ยนแบบนี้ไปทั้งเส้นทาง บ้านของผมกับแจ๊คตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้
ผมอยู่ต้นถนนและแจ๊คอยู่เกือบสุดถนน ระยะทางประมาณ 700 เมตรนั้นคือระยะทางที่ผมจะได้อยู่กับเขา
บนถนนยามราตรี
มีเสียงคลื่นคลอเป็นเพื่อนเรา
ผมสังเกตเห็นเงาของพวกเราที่ทอดผ่านไปด้านหน้าแม้ผมจะสูงกว่าแต่เมื่อผมเดินอยู่ด้านหลังเงาของเราเลยดูเท่ากัน
เงานั้นยืดยาวออกไปจากแสงไฟที่ไล่หลัง
แจ๊คร้องไห้
ตั้งแต่ลงจากรถไฟฟ้าน้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นและพอลงจากรถเมล์มันก็เลิกที่จะพยายามกลั่น
แจ๊คเดินร้องไห้ไปใช้มือขยี้ตาไป พยายามเก็บเสียงแต่ก็ยังได้ยิน
ผมไม่รู้ว่าจะปลอบใจแจ๊คยังไงเพราะผมก็ยังปลอบใจตัวเองไม่ได้เลย
เงาสองเงาท่ามกลางเสียงคลื่นและเสียงสะอื้นของแจ๊คทำให้คืนนี้เจ็บปวด
พอผมได้ลองขยับตัวไปทางขวา เงามือขวาของผมซ้อนทับกับเงามือซ้ายของแจ๊คราวกับเรากำลังจับมือกัน
ไม่รู้ว่ามันสังเกตุเห็นรึเปล่า แต่ระยะทางสั้นๆนี้ผมก็จะจับมือของเขาเอาไว้
ผมจะจับมือเขาแม้เพียงในเงา ต่อให้ไม่รู้ตัวก็อยากจะจูงมือนี้ข้ามผ่านความเจ็บปวด
บอกทางอ้อมว่าไม่เป็นไรทั้งๆที่ในใจก็รู้ว่าที่เขาเจ็บปวดขนาดไหน ลองบีบอากาศโดยติ๊ต่างว่าเงานั้นสามารถส่งผ่านความรู้สึก
พอลองบีบดูก็พบกับความว่างเปล่า
พวกเราเดินผ่านรถที่จอดทิ้งไว้
ถังขยะ และถุงพลาสติก ทุกอย่างเคยคุ้นตาเมื่อตอนกลางวันแต่ตอนนี้กลับดูเหมือนเราอยู่ต่างดาวเมื่อเป็นตอนกลางคืน
พวกเราเหมือนหลุดออกมาจากโลกใบนี้และบนถนนเส้นนี้มีเพียงเราสองคน
แจ๊คร้องไห้เงียบๆ ผมก็ให้เงาจูงมือมันเงียบๆ
บนเส้นทางถนนที่แสนวิเศษ
เพราะว่าไม่ได้รับรักตอบหัวใจมันเลยพังจนไม่เป็นชิ้นดี
จากมนุษย์ตรงนี้เลยกลายเป็นเอเลี่ยน ยามที่ชาวเมืองชายหนุ่มและหญิงสาวนอนหลับฝันดี
มีเอเลี่ยนสองตัวเดินทางกลับบ้านกับหัวใจที่เผลอทำพังจนลืมวิธีเป็นมนุษย์
บนเส้นทางที่เงียบเหงาพวกเราเป็นคนสิ่งที่แปลกแยก
“อย่าร้องไห้เลยนะ”
“ไม่เป็นไรนะ”
“เรารักแจ๊คนะ”
อยากลองร่ายมนต์แห่งความรักด้วยประโยคข้างต้นแต่คนตรงหน้าคงไม่อาจรับฟัง
ถ้าเปลี่ยนเอาหัวใจของผมให้เขาได้ผมก็คงให้เขาไปแล้วแต่ก็ลืมนึกไปว่าใจของตัวเองมันก็พังไปเหมือนกัน
แจ๊คมันคงหลงรักท้องฟ้าที่ยิ่งใหญ่ไพศาลรักพระอาทิตย์ตอนกลางวันและรักพระจันทร์ตอนกลางคืน
รักสิ่งที่ไม่สามารถรักมันตอบแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเฝ้าฝันมองไปบนฟ้า
ผมก็รักมันที่เฝ้ามองท้องฟ้าอีกที
อยากลองให้มันหลังมาแล้วมองมาตรงนี้ รับรักเอเลี่ยนตนนี้ได้มั้ย
แม้มันจะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนพระอาทิตย์ ไม่ได้สวยงามเหมือนพระจันทร์และอาจไร้ค่าไร้ราคา
แต่ช่วยรับมันไปเช็ดน้ำตาก็ยังดี จะใช้แล้วทิ้งก็ไม่ว่า อย่าร้องไห้เลยนะ อย่าร้องเลย
แจ๊คยังคงร้องไห้ตลอดเส้นทาง
ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหนที่เผลอไผลมีความรัก
อาจจะเป็นตอนนั้นที่มันเข้ามาช่วยตอนที่ผมถูกแกล้ง
หรือจะเป็นตอนที่หมอนั้นยิ้มแย้มให้กับอะไรก็ไม่รู้
หรือเป็นตอนที่ความใจดีแบบเงียบๆของมันนั้นดังจนผมหันไปได้ยิน หรือตอนนี้ที่มันเดินร้องไห้ใต้ไฟข้างถนน
พยายามบีบเงามือซ้ายคนตรงหน้าแต่มันก็ยังคงใช้มือขวาขยี้ตาให้กับความเจ็บปวด
เมื่อแจ๊คเดินมาถึงหน้าบ้านหลังนึง เมื่อเราทั้งสองหยุดยืนแน่นิ่ง
แจ๊คยังคงใช้มือง่วนเช็ดน้ำตาให้พอแห้ง เมื่อเราสองคนยืนหน้าเข้าหากัน ผมเอ่ยคำอำลาและฝืนยิ้มให้ดูจริงใจ
“ขอบคุณนะ”
แจ๊คพูดขณะที่ผมโบกมือบ๊ายบายให้ก่อนจะเข้าบ้านโดยไม่หันหลังกลับมามองตรงนี้เลย
ผมได้แต่ยืนแน่นิ่งมองเขาเดินหายลับไปในบ้าน เอเลี่ยนเหลือเพียงแค่ตนเดียวบนถนน
อาจจะเป็นเพียงแว่บเดียวแต่เงาของเราจูบกัน
3
คืนนี้ของหมอนั่นจะเป็นยังไงนะ?
พอได้ทิ้งตัวลงเตียงก็ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลย
ได้แต่สงสัยว่าตอนนี้ไอ้แจ๊คมันทำอะไรอยู่ ยังคงร้องไห้อยู่มั้ย หรือยังคงคิดถึงเฮียอยู่
ไฟที่ห้องนอนของมันยังเปิดอยู่รึเปล่า หรือกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างดูท้องฟ้าเหมือนเคย
แต่ค่ำคืนของผมตรงนี้คิดถึงมัน
ค่ำคืนของผมมันก็เป็นแบบนี้แหละ
จะให้ทำอะไรได้ล่ะ ในคืนที่นอนไม่หลับแบบนี้มันจะมีสักวินาทีมั้ยนะที่แจ๊คมันคิดถึงผม
จะคิดถึงแซนวิชที่เรากินกันตอนเที่ยง หนังที่เราดูกันตอนเย็น
เพลงที่เราฟังกันตอนค่ำ หรือ เส้นทางถนนที่เราเดินกันตอนกลางคืน ทั้งหมดนี้มันมีคุณค่าให้น่าจดจำมั้ย
พอจะสู้กับเฮียในความทรงจำของมันได้รึเปล่า
นึกถึงใบหน้าที่ไร้อารมณ์
คิดถึงคำตอบสั้นๆ คิดถึงการกระทำที่แสนจะธรรมดา คิดถึงความคิดที่แตกต่าง
คิดถึงมันเหลือเกิน
ถ้ารู้ว่าการได้เข้าใกล้มันทำให้ห่างไกลแบบนี้ตอนนั้นน่าจะไม่รับปากตกลงมาเนละครเป็นแค่แฟนในนาม
ในคืนที่นอนไม่หลับแบบนี้
จะมีสักวินาทีมั้ยที่แจ๊คจะคิดถึงผม
ดึงผ้าห่มเข้ากอดแล้วก็คิดไปพลางว่าที่แจ๊คมันร้องไห้หนักขนาดนี้แปลว่ามันรักเฮียมากเลย
ไม่เคยรับรู้เลยว่ามันรักอีกฝ่ายขนาดนี้ พอเห็นมันเป็นแบบนี้ก็ยิ่งย้ำเตือนตัวเองว่ามันไม่ได้รักผมเลย
ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว
มันไม่รู้ด้วยซ้ำ
มันไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าตอนมันทนไม่ไหว
ตอนที่น้ำตานั้นไหล ผมเองก็ใจแตกเป็นเสี่ยงๆ ปวดหนึบไปที่หน้าอก
ได้แต่รอคอยให้มันมองเห็น เห็นตัวตนตรงนี้ เห็นผมเป็นผู้ชายคนนึงที่สามารถพักพิงได้
รับรู้ความรักที่ยิ่งใหญ่ตรงนี้
ค่ำคืนของหมอนั่นจะเป็นยังไง?
ตอนนี้จะลุกขึ้นมาชงนมอุ่นๆหรือยังคงนอนร้องไห้อยู่นะ?
เวลาตีสามแบบนี้จะยังทำอะไรอยู่?
อยากหลอมละลายมันด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่น
ให้แขนหนุนนอนแทนหมอน ให้ทุกอย่างที่ทำให้หมอนั่นหลับสบาย เพื่อให้น้ำตานั้นแห้งเหือดหาย
ให้หมอนั่นฝันดี หรือถ้ามันกลัวว่าหลับไปแล้วจะเจอกับฝันร้าย ก็อย่ากังวลไปเลย
ผมจะปกป้องมันเอง
ช่วยฝันดีเถอะนะ ที่รักของผม
มันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย แค่มันรักเฮีย
ผมรักมัน แค่นี้ผมก็เข้าใจแล้ว ไม่ต้องพูดให้หัวใจมันเจ็บปวดเพราะผมก็จะไม่พูดมันออกมาเหมือนกัน
นอนหลับเถอะนะ หยุดร้องไห้เถอะ รีบเข้าไปเจอกับฝันดี
เดี๋ยวผมคนนี้ก็จะตามมันเข้าไปเอง แต่ตอนนี้ที่ยังนอนไม่หลับคงเพราะว่ายังคงคิดถึงมันอยู่แบบนี้
ถ้าคิดถึงเสร็จแล้ว ผมจะตามเข้าไปนะ
ค่ำคืนของหมอนั่นจะเป็นยังไง ของผมน่ะคิดถึงมันอยู่ตรงนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น