ผมเกลียดคังแดเนียล
ผมเกลียดคังแดเนียล
1
ผมอาศัยบนอยู่ชั้น 11 ของหอพักแห่งหนึ่งในเกาหลี
ภาพวิวก็ไม่ได้สวยงามอะไรนักเพราะว่าหอพักตั้งอยู่ในเมือง
มองออกไปข้างนอกก็เห็นภาพตึกสูงต่ำเรียงรายกันยากจะมองเห็นธรรมชาติ
เห็นดวงดาวปลอมๆ ถูกเปิดสว่างไสวไม่สนใจว่าบดบังดวงดาวขอจริง
ชีวิตแบบคนเมืองที่ดึกดื่นอาจจะได้ยินเสียงรถวิ่ผ่านบ้างบางเวลา
ในห้องนอนของผมไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก มีแค่เตียงสองชั้น โต๊ะเขียนหนังสือสองโต๊ะ
และรูมเมทที่ชอบทำเสียงดัง
“คุยกับพี่มันรึยัง” ไม่ทันให้นึกอะไรไปมากกว่านี้ รูมเมทก็ทักคำถามที่ชวนทำให้ผมหงุดหงิด
อูจินไม่เคยเข้าใจฐิทิของผม ซ้ำร้ายยังเข้าอกเข้าใจพี่มันอีกด้วย
ผมไม่ตอบ
“เออ ช่างมึง พวกกูไปอัดรายการแล้วนะ อยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย
มีอะไรก็เรียกเมเนเจอร์ล่ะกัน”
“พี่เมเนก็ไปกับพวกมึงไม่ใช่ไง”
“เออว่ะ”
อูจินสวมเสื้อหนาวแล้วก็ถอดสายโทรศัพท์ออกจากที่ชาร์ต
มันหันหน้ามาพยักหน้าที่มีความหมายว่าเจอกันก่อนจะเปิดประตูออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรให้มากความ
ผมนอนอยู่บนเตียงคนเดียวในขณะที่สมาชิก 4-5 คนในวงออกไปอัดรายการวิทยุช่วงดึก
อีกส่วนนึงไปอัดรายการวาไรตี้เพื่อออกกาศสิ้นปีนี้
ส่วนผมเองที่มีตารางแยกไปอยู่แล้ววันอื่นเลยได้นอนเล่นบนเตียง
วันนี้เลยถือว่าเป็นฟรีเดย์
พอเริ่มเข้าเดือนธันวาคมอากาศก็เย็นลงจนไม่น่าเชื่อ
บรรยากาศของเทศกาตลบลอบอวลตามสายลม
สีแดงและสีเขียวถูกประดับประดาให้เข้ากับร้านค้าช่วงเดือนธันวาอย่างไม่เคอะเขิน ถึงอย่างนั้นภายในห้องสี่เหลี่ยมนี้มันไม่มีแม้แต่เสี้ยวของเทศกาลดังกล่าว
ผมไม่ได้เกลียดอะไร แค่มันไม่อินเท่านั้นเอง
“จีฮุนไม่ไปอัดรายการหรอ”
เสียงทุ้มต่ำสำเนียงออกจะเพี้ยน
ผมหันไปตามเสียงที่ทักอย่าแปลกใจว่าทำไมถึงยังมีคนอยู่ในหอพัก คังแดเนียล
เดินเข้ามาในห้องของผมโดยไม่เคาะประตู ไม่อะไรเลยทั้งนั้น
ทำราวกับว่าเป็นห้องของตัวเอง พูดจบก็ยิ้มและถ้าให้เดานะ
ไม่ว่าผมจะตอบอะไรกลับไปพี่มันก็จะหัวเราะกลับมา
“ไม่ไป”
แล้วก็หัวเราะจริงๆ ถึงจะหัวเราะแห้งๆ
ก็เถอะ
“แล้วพี่ไม่ไปอัดรายการ?” ผมที่นอนอยู่บนเตียงชั้นสองพยายามลุกขึ้นครึ่งตัว
พี่มันเข้ามานั่งบนเก้าอี้ของอูจินที่อยู่ตรงข้ามเตียง ในมือมีสาหร่ายทอดกรอบ
ผมค่อนข้างผิดคาดที่ตารางงานของคังแดเนียลนั้นว่างวันนี้ ไม่สิ
ผิดคาดที่มันดันว่างมากกว่า
“เช็คกับพี่เมเนแล้ว เขาให้พี่ไปถ่ายกับนายมะรืนนี้
วิทยุช่วงดึกอันนั้นอ่ะ แล้วนี่จะนอนทั้งวันรึไง ไปหาไรกินกันเหอะ”
“ไม่ไป”
“ไปเหอะ ที่หอไม่มีไรกินแล้ว
“ไปเอง ผมจะนอน”
“ว่าจะถามมาตั้งนานแล้ว”
พี่มันเงียบไปครู่นึง
“โกรธไรกันปะเนี่ย ช่วงนี้ดูตึงๆ”
“เปล่า”
ถ้าเป็นคนนอกก็ยากที่จะเห็นคังแดเนียลขมวดคิ้วหรือทำหน้าไม่พอใจ
แต่เขากำลังทำ ใส่ผม
บ่งบอกออกมาเป็นอย่างดีว่าไม่เชื่อและแน่นอนที่ผมตอบไปนั้นก็โกหก
“เรื่องที่เราคุยกันคืนนั้นหรอ ที่พี่ไปกับพวกนั้น”
“ไม่อยากรู้”
“เรื่องนี้แน่ๆ”
ย้อนกลับไปไม่กี่วันก่อน
ผมกับพี่มันนั่งเล่นเกมส์ด้วยกันจนดึกตามปกติ
พอเล่นจนเหนื่อยก็เลยตั้งวงกินเบียร์กัน แน่นอนว่าไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง
มีอูจินร่วมด้วย ทุกอย่างเหมือนจะสนุกดีตามที่มันควรจะเป็น แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้นเลย
พอเมาแล้วผู้ชายประเภทโครตผู้ชายก็คุยกันเรื่องผู้หญิง
ทำให้ผมรู้ว่าคนในวงเองก็หลบเลี่ยงข่าวเดทได้เก่งอย่างไม่น่าเชื่อ
โดยเฉพาะเซ็นเตอร์แห่งชาติ บุคคลที่ถูกทั้งเกาหลีจับตามอง คังแดเนียล
“โกรธไรวะ ไอ้องมันก็ทำ พี่มินยอนก็ด้วย ไอ้แจฮวานอีก
อูจินเพื่อนมึงด้วย ไม่ไปโกรธมันอ่ะ”
“ไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนยังไง”
“…”
คังแดเนียลชอบวันไนท์สแตนกับผู้หญิงในวงการ
ในฐานะที่ผมเองก็เคยอยากได้อันดับหนึ่ง
ในฐานะที่ผมเองไม่เคยได้รับความรักจากแฟนๆ มากมายขนาดนี้ ผมอยากบอกว่า ผมรับไม่ได้
สำหรับสมาชิกคนอื่นมันครั้งคราวแต่ผมไม่อยากเชื่อว่าคนที่อยู่เล่นเกมส์ด้วยกันตอนดึกเป็นพวกชอบไปนอนกับผู้หญิงโดยไม่แคร์ภาพลักษณ์ของวง
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่อยากคุยกับเขาอีกเลย
“ไม่คุยก็ไม่ต้องคุย ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมโกรธแค่พี่วะ”
ผมได้แต่นั่งนิ่งแต่ก็ไม่ตอบอะไร
ทำเป็นมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็หยิบผ้าห่มมาขย้ำเล่น
พอเห็นว่าผมไม่ต่อบทสนทนาสุดท้ายพี่มันก็เดินออกจากห้องไป
ประตูถูกปิดดังราวกับกระสุนปืนที่ถูกลั่นไก เสียงดังปังที่ทำให้ทั้งห้องสะเทือน
ผมเกลียดคังแดเนียล
2
จีซอง : “ช่วยไปซื้อข้าวให้เนียลมันหน่อย
มันบอกว่าที่หอไม่มีอะไรกิน”
จีฮุน : “เรื่องไรผมต้องซื้อให้อ่ะ”
จีซอง : “ก็มันเหมือนป่วย
เพิ่งได้นอนเมื่อตีสามนี่เอง ให้มันออกมาเดินไข้จะได้ขึ้นพอดี”
จีฮุน : “พี่มันไม่ใช่เด็กแล้วเหอะ”
จีซอง : “ซื้อมาหน่อย
คิมบับก็ได้ พี่ขอล่ะ เดี๋ยวต้องไปแล้ว ฝากดูมันด้วย”
ผมกดปิดโทรศัพท์ในมือแต่ในใจนี่อยากจะด่าไอ้พี่มันจะแย่
ไม่ใช่พี่จีซองนะแต่เป็นพี่แดเนียล
หลังจากอ่านบทสนทนาเมื่อกี้เพื่อทวนว่าควรซื้ออะไรดี
ผมหยิบคิมบับจากร้านสะดวกซื้อกับขนมแล้วก็พวกน้ำใส่ตะกร้า
รีบจ่ายเงินแล้วก็รีบกลับหอพักก่อนที่จะมีแฟนคลับเห็นผมแล้วก็เดินตามกันเป็นขบวน
พอมาถึงที่หอก็รีบกดลิฟไปที่ชั้น 11 แกะมาร์สออกจากหลังหูแล้วก็นึกถึงเรื่องน่าเบื่อๆ
ของคนที่กำลังจะไปหา ถึงช่วงนี้คุยกันน้อยลงแต่แดเนียลเป็นรุ่นพี่ที่ผมสนิท
เพราะว่าเล่นเกมส์ด้วยกันบ่อยแล้วพี่มันก็เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย
เขาให้บรรยากาศสบายๆ ดูแล้วคล้ายพวกลูกหมา
แต่สุดท้ายเขาก็หนีไม่พ้นสัญชาติดิบของผู้ชาย ผมไม่ว่าหรอกนะถ้าเขาจะมีอะไรกับใคร
แต่มันไม่ควรเป็นตอนนี้ที่วงอายุขัยจำกัดกำลังอยู่ในจุดที่ดีที่สุด
เขาควรจะระวังเรื่องชู้สาวให้มากกว่านี้ แบบนี้มันเหมือนเอาเปรียบคนในวงที่พยายาม
ผมเองก็คนนึง
ผมบิดลูกบิดเข้าไปในห้องของพี่แดเนียล
มองเห็นคนตรงหน้านอนบนเตียงเล็กๆ ที่ชั้นล่างของเตียงสองชั้น
เขากำลังเล่นมือถือโดยไม่เห็นจะมีท่าทีของคนป่วย พี่มันหันมามอง
“พี่จีซองบอกให้ซื้อมา” ผมว่าพลางวางถุงไว้บนโต๊ะหนังสือ
“ป้อนหน่อยขี้เกียจลุก”
“ฝันหรอ”
“ป่วยอยู่” พี่มันเงียบไปแปปนึง “จริงๆ”
น่าเบื่อ แต่ไหนๆ
ก็ทำให้ขนาดนี้แล้วก็ทำให้อีกหน่อยก็แล้วกัน
ไม่ถึงกับป้อนแต่แค่แกะคิมบับแบบแท่งให้
ผมเดินถืออาหารที่แสนจะเย็นชืดแล้วยัดใส่มืออีกฝ่าย
แต่อีกฝ่ายกลับดึงมือของผมนี่สิ
คิมบับหล่นลงพื้น เศษข้าวหล่นเป็นก้อน
ส่วนผมหล่นลงบนตัวของคังแดเนียล
“พี่ทำบ้าอะไร”
“คุยกันก่อนดิ”
“ไม่คุยว้อย”
“ถ้ายังไม่คุยจะคิดว่าหึงแล้วนะ”
ผมพูดไม่ออก
พอผมพูดไม่ออกผู้ชายตรงหน้าก็ดึงผมเข้าไปนอนเบียดบนเตียงที่แสนจะคับแคบ
ผมก็ไม่แน่ใจกับคำถามเลยเผลอปล่อยให้พี่มันดึงเข้าไปนอนกอดจากด้านหลังแบบงงๆ
นี่มันอะไรวะเนี่ย เชี่ย ประมวลผลไม่ทัน ผมไม่ทันระวังตัว
“หึงหรอ”
เตียงที่หอพักนั้นเล็กมาก
มากจนไม่น่าจะให้คนสองคนมานอนด้วยกันได้เลย แต่ตอนนี้เรากำลังนอนด้วยกัน
ผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นตรงหลังหูจากประโยคคำถามที่ผมไม่ได้ตอบ
มันคับแคบจนรู้สึกได้ถึงแผงอกหนา ต้นขาที่เบียดเข้าด้วยกัน
เพราะผมใส่ขาสั้นเลยได้สัมผัสของกางเกงวอร์มเสียดสีที่ต้นขา
“ถามแล้วทำไมไม่ตอบ”
“ไม่ได้หึง”
“แล้วเป็นไร”
เพราะพิษไข้รึเปล่านะพี่มันถึงได้ตัวอุ่นๆ
ผมรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่เข้ามาทีละน้อยผ่านทางเสื้อผ้า ออกจะร้อนเกินไปด้วยซ้ำ
ผมพยายามจะดิ้นแต่พี่มันกลับใช้สองมือกอดล๊อคแน่นจนขยับไม่ได้
สาบานเถอะว่านี่คือแรงของคนป่วย
“จะหนีไปไหน”
ถึงพี่มันจะพูดอย่างนั้นผมก็พยายามขยับหนีอยู่ดี
ไอ้แบบนี้มันแปลกเกินไปแล้ว มานอนกอดกันในเตียงแคบๆ แบบนี้มันแปลกเกินไปแล้ว
ถึงจะขยับหนีมันก็ไม่ได้ช่วยให้หลุดออกเลย แล้วก็ ยิ่งขยับหนี
ก็เหมือนยิ่งทำให้ตรงนั้นมันโดน ก็เลย มันโดนตรงนั้น มันแข็งๆ
“เดี๋ยวนะ…”
“ก็ใครใช้ให้ยุกยิก”
ไอ้สัสพี่
ผมหยุดขยับทันที แบบนี้จะทำยังไง
ให้ผมทำยังไง ขยับก็ไม่ได้แล้วตรงนั้นของพี่มันก็เหมือนจะตื่นตัวซะแล้ว
นี่มันแย่สุดๆ ทำไมถึงทำอะไรทุเรศแบบนี้วะ อยากจะฆ่า อยากจะฆ่าจริงๆ
“ไม่ได้หึงแล้วเป็นไร”
สัมผัสจากคางที่วางบนไหล่
ลมอุ่นที่ข้างหู ต้นขาที่เสียดสีกับผ้าสากๆ มือที่ล๊อคเอวไว้แน่น
อุณหภูมิอีกฝ่ายที่เหมือนจะจงใจใช้หลอมละลายพฤติกรรมของผมให้อ่อนยวบ
คงใช้วิธีนี้ทำกับสาวๆ มานักต่อนัก ผมเกลียดเขา
ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องคุย
“มะ..ไม่ชอบ”
“ไม่ชอบอะไร”
“ให้..ไปทำแบบนั้น”
“แบบไหน”
“แบบนั้นไง!”
ถึงผมจะทำเป็นขึ้นเสียงแต่มันก็ไม่ได้ดังขึ้นเลย
“แบบนี้หรอ?”
ผมรู้สึกถึงตรงนั้นขอพี่มันชัดเจน
แม้จะไม่ได้ถอดเสื้อผ้าแต่ว่ากลับรู้สึกได้ ก้อนเนื้อที่แข็งดันกับก้นของผม
พี่มันดันเอวมาโดนแบบจงใจเป็นจังหวะช้าๆ ดันใส่แล้วก็ค้างเอาไว้บ้าง
มันแนบกับกางเกงขาสั้นของผมแล้วก็ขยับเป็นวงกลมบ้าง
ถึงจะมีเสื้อผ้าอยู่แต่แบบนี้มันเหมือนเรากำลังทำกันอยู่เลยไม่ใช่หรอ
“แบบนี้หรอจีฮุน”
จู่ๆพี่มันก็ใช้มือที่กอดผมแน่นสอดเข้ามาในเสื้อยืด
ตรงเข้าไปจับตรงหน้าอกแบบไม่ลังเล มืออีกข้างก็กำลังจะเลื่อนไปจับข้างล่างของผม
ที่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงมีอารมณ์ขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ยะ..หยุด”
“แล้วหมายถึงแบบนี้มั้ย”
“…”
เสียงนุ่มทุ้มลึกเหมือนยากล่อมประสาท
เอวที่พยายายมยัดเยียดเข้ามา มือที่ใช้บีบเค้นหน้าอก
มืออีกข้างที่กำลังกำตรงนั้นในกางเกงขาสั้น ผมรู้สึกถึงลมหายใจดังฮืดฮาดจาด้านหลัง
ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไร ไม่รู้ว่าจะทำยังไงด้วย
“อื้อ” พี่มันขยับมือขึ้นลงช้าๆ ไม่ได้อยากจะครางออกมาเลยแต่มันรู้สึกดี
“แบบนี้รึเปล่า หื้ม”
เขารู้อยู่แล้วว่าแบบนั้นมันหมายถึงแบบไหน
พี่มันรู้อยู่แล้ว
ผมอยากจะหันหน้าไปด่าเหลือเกินแต่ถ้าหันกลับไปก็มั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่หยุดแค่การรุกล้ำโดยมีเสื้อผ้าขวางกั้นอีกแล้ว
มือที่ขยับขึ้นลงทำให้ผมเสียวจะตายอยู่แล้ว
ไออุ่นจากร่างกายอีกฝ่ายที่ทำให้อากาศโดยรอบร้อนจนเหมือนภาพหลอนกลางทะเลทราย
นิ้วมือที่บี้เข้ากับหัวนมก็ยิ่งทำให้ผมเสียว
เสียงหอบหายใจของเขาที่รุนแรงเหมือนสัตว์ป่า
พอผมเผลอหลุดเสียงครางออกไปก็เหมือนจะถูกก้อนเนื้อตรงหว่างขาของอีกฝ่ายดันเข้ามาถี่ๆ
“จีฮุน ซี้ดดด”
“อะ..อือ”
เสียงกระเส่าของเขาทำผมเตลิดเปิดเปิง
สุดท้ายก็ยอมให้กางเกงขาสั้นร่นลงมาเพื่อที่มือพี่มันจะขยับได้สะดวก
จนถึงตอนนี้ผมอยากหันกลับไป ถ้าหันกลับไปผมจะโดนอะไร เขาจะทำกับผมหรอ
ผมอยากทำกับเขาหรอ ผมเป็นอะไรไปแล้วนะ
พอมือพี่มันเร่งจังหวะก็แทบจะกลั้นความเสียวเอาไว้ไม่อยู่
และจังหวะที่พี่มันกัดหูผมเบาๆก็ยิ่งทำให้เสียวจนเหมือนจะตายอยู่แล้ว
ใครใช้ให้จับเน้นตรงส่วนหัวแบบนั้นเล่า ไอ้พี่บ้า ไอ้บ้าเอ้ย
“พี่นะ…เนียล จะออกแล้ว”
“อืม”
“จะออกแล้ว..อื้อ”
ผมเผลอปล่อยน้ำสีขาวขุ่นลงบนเตียงของพี่มัน
มือหนาที่กำตรงนั้นของผมก็เลอะไปด้วยเช่นกัน ผมอยากจะบ้าตายนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
พอเสร็จจากเรื่องทุเรศนี่สติสัมปชัญญะก็ถาโถมกลับเข้ามา ผมอยากจะตาย
ผมอยากจะตายจริงๆ
“พี่ยังไม่เสร็…”
“ผมจะกลับห้องแล้ว”
สุดท้ายก็รีบดึงกางเกงขึ้นแล้วก็กระโดดพรวดออกมาจากเตียงของพี่มัน
ทั้งๆ ที่ถ้าจะออกมาแต่แรกก็ทำได้ง่ายดายแต่ทำไมจนถึงเมื่อกี้ถึงได้ยอมลุกออกมานะ
เรี่ยวแรงหายไปไหนหมด
ผมรีบกลับห้องตัวเอง
ปีนขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วก็คลุมโปง
พยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ยากที่จะลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้
ผมเกลียดคังแดเนียล
3
บนรถตู้ผมนั่งอยู่หลังสุดส่วนพี่แดเนียลนั่งอยู่เบาะข้างหน้าถัดออกไป ตั้งแต่วันนั้นผมก็เลือกที่จะเลี่ยงการคุยกับพี่มันมาโดยตลอด
ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากมาถ่ายรายการด้วยกันด้วยซ้ำ
ลองถามทางค่ายไปแล้วว่าไม่รับงานหรือให้คนอื่นไปแทนได้มั้ยแต่ก็ไม่เป็นผล
ยิ่งถ้าโหวกเหวกมากก็ยิ่งน่าสงสัย ไม่แน่ใจว่ามีแต่ผมที่ทุกข์ร้อนรึเปล่า
ก็คนแก่กว่าที่นั่งหน้าดูสบายใจซะเหลือเกิน
ไม่นานนักรถตู้ก็จอดลงที่หน้าพัก
เนื่องจากตอนนี้ดึกมากแล้วอากาศเลยหนาวยิ่งขึ้นไปอีก
พอผมลงจากรถตู้อากาศเย็นก็บาดผิวจนต้องเอามือมากอดอกแน่น
“หนาวหรอ”
พี่แดเนียลถามแต่ผมไม่ตอบและรีบเดินเข้าหออย่างรวดเร็ว
มันก็มีหลายจังหวะที่เขาพยายามจะเริ่มบทสนทนาก่อนแต่ผมก็ไม่เคยคิดจะย้อนกลับไปคุยด้วยสักคำ
เดินตรงหนีโดยไม่มองหลัง หลบหน้าเท่าที่ทำได้
แม้แต่ในโทรศัพท์ก็ไม่รับสายหรือตอบข้อความอะไรทั้งนั้น
“เป็นไร”
มือของผมถูกกระชากอย่างแรงจนตัวผมเซไปด้านหลัง
พี่แดเนียลจับข้อมือของผมไว้แน่น เขาวิ่งตามผมมา สายตาน่ากลัว ในห้องครัวไม่มีท่าทีของสมาชิกในวง
คาดว่าคงหลับกันหมดแล้ว
“ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
“ปล่อยผมเหอะ”
“คุยกันก่อน”
ผมพยายามสะบัดแขนแต่ก็สู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้เลย
พยายามมองเอาเรื่องแต่สายตาของพี่มันกลับเอาเรื่องยิ่งกว่า
ก็พอเข้าใจหรอกนะว่าที่ทำไปมันไม่มีมารยาท แต่ผมไม่พร้อมคุยจริงๆ
“แค่น้ำแตกทีเดียวมันจะทำไมวะ”
“ทุเรศ”
“ขี้หึงว่ะ”
“ปล่อยผม”
พอผมพยายามจะเอามืออีกข้างมาแกะมือของพี่มันก็กลายเป็นผมถูกจับมือทั้งสองข้างแทน
พี่มันเป็นบ้าอะไรของมัน ไม่อยากคุย ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากอะไรทั้งนั้น
ทำไมต้องมายุ่มย่าม น่ารำคาญ
ผมเกลียด คังแดเนียล
ผมเกลียดตอนนี้ที่พี่มันจูบผม ผมเกลียดเขา
ผมเกลียดเขาจริงๆ ผมเกลียดลิ้นของเขา เกลียดระยะที่ใกล้จนเห็นไฝใต้ตา
เกลียดที่ผมสู้แรงอีกคนไม่ได้ ผมเกลียดที่ทำให้ผมหมดแรง ผมเกลียดเขา
เสียงดังกุกกักดังออกมาจากห้องของพี่แดเนียลทำให้เราสองคนหยุดชะงัก
ไม่แน่ใจว่าพี่ซองอูอาจจะตื่น
“มานี่”
ผมโดนลากเข้ามาในห้องนอนของผมเอง
ตอนนี้ห้องมืดสนิท อูจินนอนหลับแล้วอยู่บนเตียงชั้นสอง
ในใจอยากจะนอนลงบนเตียงแล้วหลับไปเลยแต่ไอ้พี่มันยังไม่คิดจะปล่อยมือ ถึงอูจินจะหลับแล้วแต่ว่าถ้าเสียงดังก็อาจจะตื่นขึ้นมาก็ได้
ในหอพักที่มีเพื่อนในวงอาศัยอยู่ไม่ว่ามุมไหนก็ไม่ง่ายที่คุยกันได้อย่างสงบ
“อือออออ”
เสียงละเมอของอูจินดังขึ้น
พวกเราเลยรีบหลบตามสัญชาตญาณ
รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงของตัวเองโดยมีไอพี่หน้าหมาคร่อมอยู่
ไม่เข้าใจทำไมมันถึงเป็นสถานการณ์ล่อแหลมอีกแล้ว
“คุยกันดีๆ ได้ยัง ไหนบอกแคร์วงแล้ววันนี้อัดรายการทำไร เอาแต่นั่งเงียบ
คุยก็ไม่ตอบ”
“ยุ่ง”
“ดื้อ”
เรากระซิบคุยกันก็จริงแต่ผมก็ไม่รู้ว่าอูจินจะตื่นมาเมื่อไหร่
“ทำไงถึงจะเลิกเป็นแบบนี้ พี่ไม่ชอบ มันอึดอัด”
“เลิกเที่ยวผู้หญิงดิ”
“ไม่ได้เที่ยว เขามาเอง”
“กล้าพูดเนอะ”
พี่มันถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณื
หน้าของพี่มันเข้ามาใกล้ทุกที ผมเกลียดคังแดเนียล อยากจะจูบก็จูบ
อยากจะกระชากก็กระชาก อยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเอง ไม่เคยจะสนใจคนอื่น
ไม่เคยจะสนใจเลยว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกยังไง ลิ้นอุ่นของเขาตวัดพันกับลิ้นของผม
สัมผัสอ่อนโยนจากมือตรงแก้ม กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมส่งกลิ่นเจือจางเพราะใกล้หมดวัน
“พี่เลิกเที่ยวก็ได้”
“…”
“แต่เราต้องช่วยพี่แทนนะ”
เตียงมันแคบก็อย่างที่ผมเคยบอก
มันไม่ได้เหมาะสมให้คนสองคนมานอนอยู่ด้วยกันเลย
แค่นอนก็ว่ายากแล้วแต่การที่เราจะทำอะไรมากกว่านอนมันยากยิ่งกว่า คังแดเนียลที่ไม่ใส่เสื้อในระยะ 15 เซนติเมตรกับพัคจีฮุนที่ไม่ใส่กางเกงในระยะเดียวกัน
ภาพนี้ห้ามออกอากาศไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม
“ไม่เอา ปล่อยผม”
“มาขนาดนี้แล้วหน่า”
“เดี๋ยวอูจินตื่น”
“เดี๋ยวทำเบาๆ”
ถึงจะมืดแต่ผมก็พยายามมองพี่มันที่ดึงกางเกงลง
ตรงนั้นของพี่มันชี้โด่มาตรงหน้า อันนี้สินะที่เมื่อคราวก่อนมาถูกับข้างหลังของผม
พอไม่มีอะไรมาบังแล้วมันดูใหญ่กว่าที่คิดเอาไว้อีก
ใหญ่ขนาดนี้ถ้าใส่เข้ามาคงเจ็บน่าดู ไม่ทันที่จะกะขนาดด้วยสายตา
พี่มันก็ดึงมือผมไปจับจนผมสามารถกะนาดได้ด้วยมือ
พวกเราสองคนก็เลยวุ่นวายอยู่กับการช่วยอีกฝ่าย
พี่มันพยายามเอานิ้วสอดเข้ามาด้านหลัง ส่วนผมก็คอยขยับมือเข้าออก
ถึงมันจะออกจะแปลกไปบ้างแต่การที่เรามาแอบทำอะไรในที่แคบๆ
แบบนี้มันก็ชวนให้รู้สึกกำลังทำผิดอะไรบางอย่างอยู่เลย ถึงจะเหมือนทำอะไรผิดแต่พวกเราก็ไม่คิดจะหยุดทำ
“อย่าเกร็งดิ มันใส่ไม่เข้า”
“ก็มันใหญ่”
“ขอบคุณที่ชม”
ไม่ได้จะชมสักหน่อย
มันใช่เวลามาเล่นมั้ยเนี่ย พี่มันก็ค่อยๆดันเข้ามา
ผมจิกนิ้วเข้ากับต้นแขนของเขาอย่างแรงจนไม่แน่ใจว่าเสียงซี้ดมันมาจากความเสียวหรือความเจ็บกันแน่
ผมรู้สึกว่ามีอะไรค่อยๆดันเข้ามาทีละน้อย ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ
แต่ก็อึดอัดไปทั่วท้องน้อย
“เข้าไปแล้ว”
“หยุดพูด”
“เข้าไปจนสุดแล้วเนี่ย”
อยากจะด่าพี่มันแต่ก็ไม่ได้
กลัวอูจินตื่น เพราะว่ามันคับแคบพี่แดเนียลก็เลยคร่อมผมแบบตัวงอๆ
ใช้ข้อศอกชันกับเตียง ผมมองเห็นเขาในระยะใกล้ ใกล้จนรู้สึกเขิน
มาทำหน้าแบบนี้ตอนมีอะไรกัน มันน่าอายนะ ถึงผมเองก็อาจจะทำหน้าแบบนั้นไม่ต่างกันก็เถอะ
ไอ้ตาเยิ้มๆ ปากเผยอๆ แบบนั้น นึกขึ้นได้ผมก็พยายามกัดปากตัวเอง
แต่มันคงไปกระตุ้นอารมณ์ของพี่มันแทน
“อือ”
มือหนาที่จับหัวเข่าของผมแยกออก
อยากจะหาอะไรมาปิดแต่ว่าร่างกายของเราก็เชื่อมกันอยู่
พยายามเอามือขึ้นมาปิดหน้าแต่ก็โดนอีกฝ่ายดึงออก
แล้วมือที่พยายามใช้ปิดหน้าก็ยังถูกแทนที่ด้วยใบหน้านั้น
จูบเข้ามาในจังหวะที่ขยับเอว อยากจะพูดก็พูดไม่ออก ผมหมดแรงจะสู้แล้ว
ความทุลักทุเลในเตียงขนาดเล็กกับเซ็กส์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
สถานที่อันตรายที่มีรูมเมทนอนอยู่ด้านบน ผมอยากจะร้องออกมาแต่ก็ทำไมไม่ได้
พอจะกลั้นเสียงไว้ไม่อยู่ก็โดนริมฝีปากกดจูบลงมาไม่ให้ทันได้หายใจ
ผมไม่รู้ว่าผมปล่อยตัวไปมีอะไรกับเขาได้ยังไง
ผมลืมทุกเหตุผลไปแล้วตอนโดนจูบครั้งที่สาม ความนุ่มนิ่มบนริมฝีปาก
ปลายจมูกที่จมลงที่ซอกคอ และแรงกระแทกเบาๆจากช่วงล่าง ผมปล่อยให้ตัวเองทำใบหน้าน่าอาย
ผมเกลียดคังแดเนียล
4
เช้าวันถัดมาพี่แดเนียลก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว
มันก็สมควรจะเป็นแบบนั้นแหละ
ถ้าเกิดอูจินตื่นมาเจอผมกับพี่มันนอนอยู่ด้วยกันเรื่องนี้ได้กระจายถึงหู 9 คนที่เหลือแน่นอน
พอเห็นว่าอูจินยังไม่ตื่นผมเลยเดินไปหยิบโพสอิท
ใช้มาร์กเกอร์สีดำเขียนข้อความสั้นๆลงบนกระดาษ
ที่ห้องนั่งเล่นไม่มีสมาชิกในวงเลย
พอดูเวลาแล้วมันก็เพิ่งจะ 7 โมงเช้า
เช้าเกินกว่าที่ทุกคนตื่น ผมเอาหูแนบประตูห้องของพี่แดเนียลกับซองอู
ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเป็นอันเข้าใจได้ว่าทั้งสองคนก็คงนอนอยู่เช่นกัน
ผมหมุนลูกบิดก่อนจะผลักประตูเพื่อไม่ให้เกิดเสียง
เอากระดาษในมือแปะลงโต๊ะหนังสือของชายผู้ซึ่งเป็นเจ้าของวันเกิด ข้อความลวกๆ
เขียนไว้ว่า “Happy
Birthday”
บรรยากาศเทศกาล
เพลงจากร้านที่เหมือนจะเห่อคริสมาส อากาศเย็นจนหนาว
ทั้งเมืองถูกประดับด้วยใบหน้าที่คุ้นตาจากแฟนคลับของพี่แดเนียล
ถึงจะไม่อยากรู้แต่มันก็ต้องรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา
ในรายการวิทยุเมื่อวานก็เหมือนกัน
ถามกันอยู่ได้ว่าผมจะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด น่าหงุดหงิด ผมเกลียดเขาไม่รู้รึไง
ไอ้ของขวัญวันเกิดมันมีที่ไหน ผมรีบเดินออกจากห้อง ปิดประตูกลับไปเหมือนเดิม
กลับไปเตรียมตัวอาบน้ำหาอะไรกินเป็นมื้อเช้า
แดเนียล : “นึกว่าจะมอร์นิ่งคิส”
แดเนียล : “ขอบคุณครับ”
ผมอ่านข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ ถ้าตื่นแล้วทำไมไม่ลุกวะ
ผมเกลียด คังแดเนียล
--------------------------------------
เขินนิดหน่อยเพราะว่าไม่ได้แต่งคัทมานานแล้ว
ชอบไม่ชอบยังไงก็คอมเม้นได้นะ T_T
ใครอ่านจบแล้วถ้าอยากจะหวีดอะไรก็กลับไปหวีดได้ที่นี้
V
V
หรือจะไปหวีดใน #10pagesdanhoon #ดลเจมส์สิบหน้า ก็ได้เช่นกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น